ผู้พิพากษาศาลจังหวัดชลบุรี ออกนั่งบัลลังค์ห้องพิจารณาคดีที่ 2 เช้า 10 ต.ค.2562 อ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดีหมายเลขแดงที่ 3544 นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 50 ปี วิศวกร บริษัท ไมคอล อินจิเนียริ่ง จำกัด หรือลุงวิศวะ เป็นจำเลย ใช้อาวุธปืนพกสั้น กระสุน .380 นิ้ว ยิงนายนวพล ผึ่งผาย อายุ 17 ปี เสียชีวิตบริเวณหน้าที่ตั้งครกใหญ่ สามแยกถนนอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 8 ก.พ. 2560 อัยการสั่งฟ้อง นายสุเทพ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ศาลชั้นต้นได้พิพากษาในวันที่27 ก.ย. 2561 ให้จำคุก 15 ปี และได้มีการลดโทษ 1 ใน 3 เหลือเพียง 10 ปี ปรับคดีอาวุธปืน 2 ,000 บาท ให้จ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีแก่ญาติผู้เสียชีวิต นับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องแล้วเสร็จนั้น
ศาลอุทธรณ์ภาค2 พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์ตู้มาจอดที่หน้าร้านขายของฝาก กีดขวางทางออกของจำเลย แล้วมีการโต้เถียงกันนั้นยังไม่ปรากฎว่ามีถ้อยคำพูดที่ไม่สุภาพจากฝ่ายใด แต่หลังจากที่จำเลยกระพริบไฟใส่รถตู้และบีบแตรหลายครั้ง จำเลยเริ่มใช้คำพูดไม่สุภาพในลักษณะยั่วโทสะของผู้ตาย โดยขณะนั้นจำเลยมีอาวุธปืนของกลางอยู่ใกล้ตัว แสดงว่าจำเลยและภริยามีโทสะและพร้อมที่จะมีเหตุวิวาทกับพวกของผู้ตาย ที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าเหตุการณ์ในขณะนั้น มีปากเสียงกันเพียงเล็กน้อยและจบลงแล้ว จึงฟังไม่ขึ้น เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์ตู้และรถยนต์เก๋งออกไปแล้ว หากจำเลยมีสติ รู้จักยับยั้งชั่งใจอารมณ์ร้อนบ้างโดยจอดรถรอสักพักหนึ่งก่อนเพื่อให้โทสะคลายลงแล้วค่อยขับรถออกไป เหตุทะเลาะวิวาทในคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่จำเลยกลับขับรถตามไปในทันที ขับแซงรถยนต์ตู้บีบแตรยาวใส่แสดงให้เห็นว่าจงใจเจตนายั่วโทสะพวกของผู้ตาย มิใช่การบีบแตรเตือน ดังที่จำเลยอ้างในอุทธรณ์
และจำเลยขับไปอยู่ด้านหน้า เมื่อพวกของผู้ตายซึ่งขับตามรถจำเลยมาบีบแตรยาวและเปิดไฟสูงใส่รถจำเลย อันเป็นการส่งสัญญาณความไม่พอใจและท้าทาย จำเลยก็ชะลอความเร็วลงจนเกือบจะหยุดรถเพื่อให้พวกผู้ตาย ขับชนท้ายและบีบแตรรถในลักษณะส่งสัญญาณโต้ตอบกลับไป อันเป็นการรับคำท้าทายของฝ่ายผู้ตายกับพวกทั้งมีเจตนายั่วโทสะฝ่ายผู้ตายให้เพิ่มมากขึ้นและไม่กรงกลัววจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน
เหตุที่จำเลยมีพฤติการณ์เช่นนี้ ก็เนื่องจากจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย แสดงให้เห็นถึงนิสัยและพฤติกรรมของจำเลยว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาท เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาถึงที่เกิดเหตุ จำเลยหักหัวรถอย่างกะทันหันในลักษณะปาดหน้าและขัดขวางมิให้รถยนต์เก๋งของพวกผู้ตายขับต่อไปได้
แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาวิวาทกับผู้ตายและพวกมาตลอดเส้นทางจนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุ จำเลยก็ยังมีเจตนาวิวาทอยู่ เมื่อจำเลยเห็นว่าผู้ตายกับพวกมากัน หลายคนก็เริ่มเกิดความกลัว แต่ยังคงพูดกับผู้ตายและพวกด้วยน้ำเสียงดุดันในลักษณะไว้ท่าทีว่าจะเอาเรื่อง มิใช่คำพูดในทำนองขอโทษการกระทำของตน หรือแสดงให้เห็นว่าไม่อยากมีเรื่อง หรือให้เลิกแล้วกันไปแม้ฝ่ายผู้ตายกับพวกทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมาไม่ขาดตอนนับระยะเวลาตั้งแต่ต้นจนจบเพียง 5 นาทีเศษ ตามพฤติการณ์เป็นกรณีจำเลยเป็นผู้เริ่มต้นก่อให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท และเมื่อจำเลยยั่วโทสะท้าทายจนฝ่ายผู้ตายโต้ตอบและสมัครใจร่วมวิวาทกับจำเลยแล้ว
จำเลยจึงไม่อาจกล่าวอ้างว่าฝ่ายผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุ และเมื่อเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น จำเลย จึงจำต้องชักปืนออกมายิงเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลยและคนในครอบครัวอันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
หลังฟังคำพิพากษาแล้วทนายความจำเลย ยื่นขอประกันตัว เพื่อสู้คดีในชั้นฎีกา ด้วยเงินสด 874,000 บาท
Matemnews.com
10 ตุลาคม 2562