ทีมโฆษกรัฐบาลแถลงผลการประชุมครม.อังคาร 15 ต.ค.2562 เรื่องที่ถือเป็นมติดีๆประกอบด้วย
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในช่วงท้ายของการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการเพิ่มเติมต่อ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจากนายกฯ ได้รับรายงานจากสมาคมผู้ประกอบการบ้านจัดสรรว่าได้รับผลกระทบจากเงื่อนไขบางอย่างทำให้ยอดขายได้รับผลกระทบ จึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณามาตรการที่พอจะช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจบ้านจัดสรรได้ โดยนายอุตตมรับข้อสั่งการนี้ไป และคาดว่าจะรายงานความคืบหน้าในที่ประชุม ครม.ต่อไป
นายกฯ ยังมีข้อสั่งการเรื่องการบำบัดน้ำเสีย เนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายกฯ ได้ปฏิบัติภารกิจจิตอาสา ที่โดยหลักก็เป็นเรื่องการบำบัดน้ำเสียในคูคลองต่างๆ โดยมีข้อเสนอจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนภาคอุตสาหกรรม ให้มีการเพิ่มจุลินทรีย์หรือเติมเอนไซม์ในน้ำ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำ โดยนายกฯ ได้ฝากกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรณรงค์และพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งได้แก่น้ำที่ถูกปล่อยออกมาจากบ้านเรือนก่อนลงสู่คูคลอง ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่แต่ละครัวเรือนจะมีถังดักไขมัน ซึ่งต้นทุนไม่สูงนัก นอกจากนั้น นายกฯ ยังพูดถึงปัญหาของพี่น้องประชาชน โดยขอบคุณรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่ได้ไปรับปัญหาและข้อร้องเรียนของชาวบ้าน ทั้งที่ไปรับจากพื้นที่โดยตรงและที่รับในกรุงเทพฯ โดยขอให้รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาให้ประชาชนด้วยความจริงใจ
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงว่า ที่ประชุมคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2562 มีมติที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับไทย และเตรียมที่จะลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน และรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป รัฐบาลไทยพร้อมจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทย – สหภาพยุโรป ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน การไว้เนื้อเชื่อใจและการมีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) จะมีการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสไทย-สหภาพยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อหารือกันถึงแนวทางความร่วมมือในอนาคตในด้านต่างๆ รวมถึงการลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน และการรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปโดยเร็ว พร้อมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค
ครม.มีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง และ 4 โครงการเร่งการแปรรูปยางและดูดซับปริมาณยางในระบบเพื่อยกระดับราคายางพารา โดยโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 วงเงินงบประมาณ 24,000 ล้านบาท ครอบคลุมเกษตรกรจำนวน 1,400,000 คน พื้นที่ปลูกยางพารา 17 ล้านไร่ กำหนดระยะเวลาประกันรายได้ 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.2562 ถึงเดือน มี.ค.2563 โดยประกันรายได้ในยาง 3 ชนิด คือ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี ราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยางสด ราคา 57 บาทต่อกิโลกรัม และยางก้อนถ้วย ราคา 23 บาทต่อกิโลกรัม กำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้ 240 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี หรือ 20 กิโลกรัมต่อไร่ต่อเดือน โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทยก่อนวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา
ครม.ยังมีมติอนุมัติอีก 4 โครงการ คือ ขยายวงเงินสินเชื่อโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ปะกอบการผลิตภัณฑ์ยาง วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยอนุมัติวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมจำนวน 1 หมื่นล้านบาท รวมวงเงินสินเชื่อของโครงการ 2.5 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2563 – 2569 โดยขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยางแห้ง วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ออกไปอีก 2 ปี คือ ตั้งแต่เดือน ม.ค.2563 ถึงเดือน ธ.ค.2564 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนธ.ค.นี้ ทั้งนี้ขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง วงเงินสินเชื่อ 1 หมื่นล้านบาท ออกไปอีก 4 ปี คือ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2563 ถึง 31 มี.ค.2567 โดยมีระยะเวลาจ่ายเงินกู้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2563 ถึง 31 ธ.ค.2566 และกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้คราวละไม่เกิน 12 เดือน นับแต่วันที่กู้ แต่ต้องไม่เกินวันที่ 31 มี.ค.2567 และขยายระยะเวลาและปรับปรุงวิธีการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ออกไปอีก 3 ปี คือ ตั้งแต่เดือน ต.ค.2562 ถึง ก.ย.2565
matemnews.com
15 คุลาคม 2562