เฟชบุ้ค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล มีพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. มูลค่าโครงการ 224,544.36 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และระบบขนส่ง (รถไฟ) จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีโลก
.
เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เชื่อมโยงโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทั้งไทยและนานาชาติ จึงถือเป็นโครงการสำคัญระดับโลกค่ะ
เสร็จการลงนามแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินนำบรรดารัฐมนตรีจะกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ผ่านคณะนักข่าวที่รออยู่ริมทางเดิน ได้หยุดตอบคำถามนักข่าวที่ถาม โครงการ“ชิม ช้อป ใช้” เฟส 2 ที่ได้รับความนิยมจากประชาชน จะมีอะไรเพิ่มเติมออกมาอีกหรือไม่ ตอบว่า
ต้องดูงบประมาณที่รัฐบาลมีอยู่ รวมทั้งต้องดูผลตอบแทน การประเมินวิเคราะห์ต่างๆ ซึ่งต้องทำงานร่วมกันทั้งหมด และวันนี้ไม่ได้ทำงานด้วยปากเปล่าหรือเอกสารอย่างเดียว แต่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วย หากมองตัวเลขจีดีพี อาจจะดูว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก จะขึ้นนิดขึ้นหน่อยไม่เป็นไร ถือเป็นการเพิ่มการใช้จ่ายเงินหมุนเวียนในระบบให้ทั้งผู้ผลิต ผู้ซื้อ ผู้ใช้ การกระจายสินค้าและการขนส่ง ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นในวงจร โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่จะทำให้เพิ่มมากขึ้น หากย้อนไปดูสถิติที่ธนาคารโลกจัดลำดับมาพบว่า หลายอย่างเราดีขึ้น และมีหลายอย่างที่เขาเตือนอาเซียนหลายประเทศที่มีรายได้สูง จีดีพีลดลงทุกประเทศ เนื่องจากสงครามการค้าเป็นประเด็นสำคัญ เพราะทั้งหมดต้องพึ่งปลายทางคือตลาดโลก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร แต่ตอนนี้ทุกชนิดมีปัญหาหมด
นักข่าวถามว่าด้วยผลการเลือกตั้งซ่อม เขต 5 นครปฐม ที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัครส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาได้รับชัยชนะ ตอบว่า ในฐานะที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารัฐบาล ได้ทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องแสดงความยินดีกับพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ถือเป็นความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตนไม่สามารถไปก้าวล่งได้ในส่วนนี้ จึงขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการเลือกตั้ง ถือเป็นการตัดสินจากประชาชนและเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ผลการเลือกตั้งสะท้อนถึงความนิยมในรัฐบาลหรือไม่ ตนมองว่าคงประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน ตนคิดว่าประชาชนเรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่าเอาแค่การเลือกตั้งครั้งนี้ครั้งเดียวมาเป็นเกณฑ์ตัดสินอะไรเลย อยู่ที่ว่าเราจะทำอะไรให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นความต้องการของประชาชน รัฐบาลก็มีหน้าที่ของรัฐบาล
นักข่าวถามต่อ เป็นเพราะกระแสของรัฐบาลดีขึ้นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลชนะการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า แล้วมันไม่ดีหรือ รัฐบาลมีเสถียรภาพมันไม่ดีอย่างไร ถ้ามันดีก็จบได้แล้วอย่าไปยึดโยงอย่างอื่น
ถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ได้สะท้อนกระแสของพรรคอนาคตใหม่ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า
“ไม่ตอบ ไม่ไปก้าวล่วงพรรคไหนทั้งสิ้น”
ถามต่อไป เกี่ยวกับฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงกลางเดือนธันวาคมปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบ
เป็นธรรมดาของระบบสภาฯที่ใน 1 ปี สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ 1 ครั้งก็ว่ากันไป ตนก็พร้อม และก็ต้องเตรียมข้อมูล มีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ก็เตรียมข้อมูลไว้อยู่แล้ว เราก็ไม่รู้ว่าฝ่ายค้านเขาจะอภิปรายอย่างไร ก็ต้องเตรียมข้อมูลว่าเราทำอะไรไปแล้วอย่างไร ความบริสุทธิ์และสิ่งต่างๆ ที่เราตั้งกติกากฎเกณฑ์มากมายก็สามารถตอบได้ ประชาชนจะเป็นคนตัดสินและขึ้นอยู่กับการลงมติ
ข่าวของเว็บไซต์รัฐบาลไทย
matemnews.com
24 ตุลาคม 2562