“รัฐบาลพยายามปรับเปลี่ยนหน่วยงานให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล เพราะโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเทศอย่างรวดเร็ว รัฐบาลมีมาตรการรองรับ สิ่งที่ทำมาทุกวันนี้ทำมากว่า 5 ปี ผมอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่าจำเป็นต้องสื่อสารงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเกิดความก้าวหน้า และต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ตอบสนองการเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยยกเลิกสำเนาบัตรประชาชน ลดภาระให้กับประชาชน ทุกคนต้องร่วมมือกันในการปรับทัศนคติในการทํางาน เรียนรู้ในเรื่องของการใช้เทคโนโลยี นำมาแก้ไขข้อขัดแย้ง ความท้าทายต่างๆที่จะเกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนองค์กร บุคลากร และความทุ่มเทจากทุกองค์กรที่เกี่ยวข้อง ผมเชื่อว่าทุกคนมีความมุ่งมั่นเป็นรัฐบาลดิจิตอล มาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และผมขอเป็นกำลังใจและพร้อมที่จะสนับสนุนให้ทุกคนในรูปแบบต่างๆและการพัฒนาสู่เป็นรัฐบาลดิจิตอลเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป หากไม่เตรียมตัวก็จะอยู่ต่อไปไม่ได้จะใช้วิธีการเก่าไม่ได้อีกแล้ว ทั้งเรื่องภาษีต่างๆ รวมไปถึงการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ วันนี้เป็นความร่วมมือในแบบดิจิตอล การนำสิ่งเหล่านี้มาต้องแก้ทุกอย่างความร่วมมือกฎหมายก็ต้องพร้อมในการรองรับเทคโนโลยีเหล่านี้ นอกจากนี้จำเป็นต้องหาคนใหม่เข้ามาบริหารจัดการในเรื่องเครื่องมือเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วย จึงขอให้นำไปปรับใช้ในแผนการเกษียณอายุราชการในแต่ละปีด้วย ทุกวันนี้โซเชียลก็แรง อยากให้ทุกคนเอาใจใส่ในการรับฟังข้อมูลสิ่งที่รัฐบาลคิด โดยยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลไม่ใช่ว่าคิดเองทำเองต่างๆ หรือไม่ใช่การเก็บข้อมูลจากสื่อราชการอย่างเดียว ผมต้องถามประชาชนว่าต้องการอะไร หากมัวแต่ดึงกันไปเดินกันมาก็เดินหน้าไปไม่ได้ นับวันงบประมาณจำกัดขึ้นทุกปี แต่ต้องใช้งบประมาณในการบริหารจำนวนมาก นอกจากนี้ฝากให้มีการปรับเปลี่ยนการถ่ายรูปบัตรประชาชน เพราะบางคนถ่ายมาแล้วไม่ตรงกับตัวจริง หน้าไม่เหมือนในรูป ทำให้บางครั้งในการลงทะเบียนไม่อ่านบัตร ทั้งที่เป็นคนเดียวกัน การเดินหน้าสู่ดิจิตอล สิ่งที่ตามมา คือ ภัยไซเบอร์ วันนี้ได้มีการจับกุมกันบ้างแล้ว และได้มีการจัดตั้งศูนย์เฟคนิวส์ ที่ทุกคนต้องช่วยกันดูว่าสิ่งใดเป็นข้อมูลเท็จ ย้ำว่า อย่ากลัวว่ารัฐบาลจะเป็นล้วงข้อมูล ว่าใครจะคุยกับใคร แต่จะเล่นงานคนแรกที่ส่งต่อข้อมูลที่เป็นเท็จ อย่างเช่นกรณีแชร์แม่มณี ที่สร้างความเสียหายหลายหมื่นล้าน สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องสร้างการเรียนรู้ ไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายจึงต้องมีภูมิคุ้มกัน ผมไม่โทษใคร แต่รัฐบาลต้องดูแลให้ปลอดภัย รวมถึงการค้าขายออนไลน์ที่บางอย่างไม่ปลอดภัย เช่น การขายยา จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลการโฆษณาต่างๆ เพราะอันตราย ผมพร้อมรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์แต่อะไรที่เป็นการต่อว่าจำนวนมากก็จะนำมาแก้ไข ผมไม่ว่าใครและไม่โกรธใครอยู่แล้ว ขณะเดียวกันต้องพัฒนาภาครัฐแบบก้าวกระโดดวันนี้จะถอยหน้าถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว ต้องมีหัวหอกนำไปข้างหน้า นำพาคนซ้ายขวาเดินไป ไม่เช่นนั้นก็จะมีคนชักหอกไปด้านหลัง ถือเป็นการสร้างแนวคิดส่วนต่างๆ ให้สามารถนำพาไปข้างหน้า รางวัลในวันนี้ถือเป็นกำลังใจให้ทุกคน รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชา บางอย่างไม่ต้องให้เป็นเงินตอบแทนแต่ให้กำลังใจซึ่งกัน และกันสำคัญที่สุด ผมเองก็ต้องการกำลังใจแต่ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ยิ่งมีปัญหาก็ยิ่งต้องทำ ปัญหาของประชาชนผมก็ต้องเอามาแก้ และต้องสร้างความเข้าใจไปด้วย ซึ่งการทำให้คน 70 กว่าล้านคนเข้าใจไปพร้อมกันมันยาก ทุกประเทศก็ยากเหมือนกัน วันนี้ทุกคนต้องรักกันถ้าไม่รักกันก็ไปไม่ได้ในทุกเรื่อง ขัดแย้งกันก็ไม่ได้อีกถ้าทุกคนบอกว่าจะไปซ้ายอย่างเดียว ไปขวาอย่างเดียวก็ไม่ได้ จึงต้องหาวิธีร่วมมือการเดินไปข้างหน้า เรื่องใดที่เป็นความขัดแย้งหยุดไว้ก่อนคุยกันค่อยๆ คลี่คลายกันไป ไม่ว่าใครเป็นคนไทยมันต้องไปด้วยกันให้ได้ถ้าเอาซ้ายหรือขวาเอาแต่ตัวเองมายึด มันเดินไม่ได้ประเทศ”
ข้างต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง รัฐบาลดิจิทัลกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศขณะ ขณะเป็นประธานในพิธีเปิดงานและมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัลในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัลและสัมมนา หน่วยงานภาครัฐกับความพร้อมไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล Digital Government Award 2019 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เช้า 30 ต.ค.2562
matemnews.com
30 ตุลาคม 2562