ตัวแทนวิปฝ่ายค้าน นำโดย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาวิปฝ่ายค้าน
น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการวิปฝ่ายค้าน
นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย
น.ส. ศิริกันยา ตันสกุล ส.ส.พรรคบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่
นายสุภดิชอากาศฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ฯลฯ
ประชุมกันที่ สำนักงานพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ 5 พ.ย.2562 แล้ว ร่วมแถลงข่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ที่ผ่านมาเราได้ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมาโดยใกล้ชิด หลังจากที่ปิดสภาฯ ได้มีการเก็บข้อมูล รวบรวมหลักฐาน โดย 7 พรรคได้รวบรวมเอาความหนักแน่นของข้อมูลมาประมวล และประเมิน ก่อนที่ 7 พรรคจะมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าควรยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่จะยื่นเมื่อไหร่ จะเป็นรายคน หรือรายกระทรวง รวมถึงมีรายละเอียดอย่างไรนั้นเราจะประชุมกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาข้อสรุป
นายสุทิน กล่าวว่า เรายึดกรอบความพร้อมในเรื่องของข้อหาและหลักฐานการอภิปรายครั้งนี้ จะเป็นการอภิปรายที่มาตรฐานอาจจะเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะที่ผ่านมาเราจะเน้นเรื่องการทุจริตเป็นหลัก แต่ครั้งนี้เราจะมองไปถึงความผิดพลาด ความสามารถในการบริหารประเทศที่ทำลายเครดิตของประเทศให้ตกต่ำ โดยยึดฐานความผิดมาจากระยะเวลา 5 ปี ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศมา โดยเราเห็นว่าความผิดในอดีตส่งผลต่อปัจจุบันและเป็นความกังวลไปสู่อนาคต ซึ่งกรอบเวลาคร่าวๆ ที่เราเห็นว่าเหมาะสมในยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ วันที่ 18-19-20 ธ.ค. นี้
นักข่าวถามว่า ประเด็นที่ฝ่ายค้านล็อกเป้ามีรัฐมนตรีคนใด หรือกระทรวงใดบ้าง นายสุทิน ตอบ
เราจะอภิปรายผสมผสานกันไป ทั้งรัฐบาลที่ผ่านมาและรัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากคนเก่าสร้างความผิดและคนใหม่มาต่อยอดความผิดดังนั้นต้องอภิปรายทั้งคนเก่าและคนใหม่ควบคู่กันไป อย่างไรก็ตามจะแตกต่างที่ประเด็นความผิด เพราะบางกรณีความผิดทำกันหลายคน ยึดโยงกันหลายกระทรวง บางเรื่องโยงไปถึงหัวหน้ารัฐบาลที่ดึงลูกน้องมาทำความผิด แต่บางเรื่องก็เป็นความผิดส่วนบุคคล โดยเจตนาเราไม่ได้ต้องการล้มรัฐบาล แต่ถ้าเขาชี้แจงไม่ได้ แล้วทำความผิดจริง เขาจะล้มด้วยตัวของเขาเอง โอกาสในการล้มรัฐบาลโดยการยกมือในสภาฯเป็นไปได้น้อยอยู่แล้ว แต่หากหลักฐานเราดีก็เป็นไปได้ที่พรรคฟากรัฐบาลจะยกมือสนับสนุนเรา แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนล้มด้วยการยกมือในสภาฯ แต่จะเพลี่ยงพล้ำจากสภาฯ แล้วไปล้มข้างนอก เสมือนเป็นการเปิดแผลในสภาฯแล้วไปเน่าข้างนอก ผมเชื่อว่าปัจจุบันพลังของโซเชียลจะเป็นม็อบที่สำคัญ และเป็นม็อบที่ใหญ่ที่สุด ที่จะทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ เรามีหลักฐานแน่นอน เพราะถ้าไม่มีเราไม่กล้าเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพรรคฝ่ายค้านจะมาคุยกันว่าหลักฐานที่มีจะเป็นการผลักให้เซ หรือผลักให้ล้ม แต่วันนี้เราสรุปกันได้แล้วว่ามีผลักให้หัวคะมำ
น.พ. ชลน่าน แถลงว่า หากวางกรอบที่จะอภิปรายในวันที่ 18-20 ธ.ค. สิ้นเดือนพ.ย. เราจะต้องญัตติให้เสร็จเพื่อยื่นให้ประธานสภาฯ บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ โดยอย่างช้าที่สุดต้องไม่เกินวันที่ 6 ธ.ค. ที่เราจะต้องยื่นญัตติให้กับประธานสภาฯ
matemnews.com
5 พฤศจิกายน 2562