Home ข่าวทั่วไปรอบวัน สเปนฆ่าหั่นศพสเปนทิ้งน้ำเจ้าพระยาคดีจบ – ศาลฎีกาตัดสินยืนประหารชีวิต

สเปนฆ่าหั่นศพสเปนทิ้งน้ำเจ้าพระยาคดีจบ – ศาลฎีกาตัดสินยืนประหารชีวิต

380
0
SHARE

 

 

องค์คณะผู้พิพากษา  ออกนั่งบัลลังค์ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  กรุงเทพฯ  เมื่อตอนเช้า 20 พ.ย.2562  อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหั่นศพเศรษฐีชาวสเปน คดีหมายเลขดำ อ.1372/2559 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

 

นายอาเธอร์ เซการา พรินเซพ หรือ อาร์ตู (Mr.Segarra Princep Artur ) อายุ 40 ปี สัญชาติสเปน เป็นจำเลย

 

ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย, หน่วยเหนี่ยวกักขังฯ, ลักทรัพย์ และข้อหาอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ,199 , 310

 

คดีนี้  อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 3 พ.ค.59 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.59 เวลา 08.20 น. ได้พบชิ้นส่วนแขนขวามนุษย์ ลอยมาในแม่น้ำเจ้าพระยาติดบริเวณอู่ต่อเรือเอกชนแห่งหนึ่งใกล้วัดคฤหบดี แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. และยังพบชิ้นส่วนมนุษย์อีกหลายชิ้นลอยมาในแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตรับผิดชอบ สภ.เมืองนนทบุรี, สภ.ปากเกร็ด และ สภ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี จากการสืบสวนสอบสวนพบว่าชิ้นส่วนมนุษย์เป็นของ “นายเดวิด เบอเนต โมราด” ชาวสเปน โดยจำเลยพาผู้ตายเข้าไปในห้องพักพีจี คอนโด พระราม 9 อสมท. แขวง – เขตห้วยขวาง กทม. จากนั้นได้ฆ่าผู้ตายก่อนหั่นศพและนำชิ้นส่วนทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยาตามจุดต่างๆ ที่พบแล้วหลบหนีไป กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบและจับกุมได้ขณะหลบหนีมาอยู่ที่ตลาดการค้าชายแดนบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

 

ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 เม.ย.60 และศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 13 ก.ค.61 โดยทั้งสองศาลพิพากษายืนให้ประหารชีวิตสถานเดียว และให้ชดใช้เงินคืนแก่ญาติผู้ตาย 734,940 บาท กับให้ริบรถจักรยานยนต์ เครื่องเจียร ใบเลื่อยและตู้แช่แข็งด้วย  เนื่องจากเห็นว่าแม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่โจทก์มีพยานแวดล้อม เช่น แม่บ้านทำความสะอาด, กล้องทีวีวงจรปิด, เพื่อนหญิงของจำเลย ประกอบกับพยานวัตถุ รวมทั้งคราบเลือด, เหงื่อที่อุปกรณ์เจียรหินไฟฟ้าและตู้แช่ตรงกับดีเอ็นเอ (DNA) ของผู้ตาย รวมทั้งตรงกับ DNA ของจำเลยด้วย พฤติการณ์จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโดยคิดทบทวนวางแผนกับซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปกปิดเหตุแห่งการตาย

 

“นายอาเธอร์” จำเลยถูกเบิกตัว มาจากเรือนจำบางขวาง ในตอนเช้าก่อนศาลออกยังบัลลังค์  โดยปัจจุบันนายอาเธอร์ถูกคุมขังประมาณ 3 ปี นับตั้งแต่ถูกจับกุมและฝากขังครั้งแรก เมื่อเดือน ก.พ.59   วันนี้ศาลจัดล่ามภาษาสเปนเพื่อแปลกระบวนพิจารณาและคำพิพากษาให้จำเลยฟังด้วย  มีสื่อมวลชนจากประเทศสเปนติดตามมาทำข่าวด้วย

 

คำพิพากษามีว่า  ศาลพิเคราะห์แล้ว ประเด็นที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า คดีไม่มีประจักษ์พยาน และพยานบุคคลหวั่นเกรงอิทธิพลเจ้าหน้าที่ คำเบิกความของพยานโจทก์รับฟังไม่ได้ จำเลยไม่ได้บังคับผู้ตายให้รับสารพิษ มีบุคคลอื่นติดต่อผู้ตายทางโทรศัพท์และไลน์ ผู้ตายฆ่าตัวเอง และจำเลยไม่ได้โอนเงินผู้ตายเข้าบัญชีตนเองนั้น เห็นว่า

 

คดีนี้เจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบชิ้นส่วนศพชาวยุโรปถูกหั่นด้วยของมีคม 3 ชิ้นถูกทิ้งที่แม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากนั้นตำรวจ สน.บวรมงคล ทำการสอบสวนพบว่าเป็นศพผู้ตาย  อัยการโจทก์มีพยานบุคคลจำนวน 3 ปาก เป็นช่างซ่อมบำรุงชาย พนักงานทำความสะอาดหญิง และรปภ.ชาย พบเห็นจำเลยกับผู้ตายที่คอนโดมิเนียม  และจำเลยขี่รถจักรยานยนต์ออกไปพร้อมถุงขยะสีดำ แล้วกลับมาโดยไม่มีถุงมาด้วย สอดคล้องกับภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของอาคารคอนโดมิเนียม และพยานบุคคลไม่ได้ถูกอิทธิพลของบุคคลอื่นเพื่อให้การยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด และภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมีความเชื่อถือได้

 

การที่จำเลยอ้างว่า  ก่อนเสียชีวิต ผู้ตายได้ติดต่อกับบุคคลต่างๆและแชทไลน์คุยกับผู้ชายชื่อ “นายเจม โรเฮน” พร้อมแสดงภาพถ่ายบันทึกการใช้โทรศัพท์ ให้ถือเป็นข้อสันนิษฐานเพื่อเป็นประโยชน์กับจำเลยได้ว่ามีบุคคลอื่นมาเกี่ยวข้องนั้น ศาลเห็นว่าข้อสันนิษฐานดังกล่าวไม่มีประโยชน์  และที่อ้างว่าพบสารพิษมีชื่อทางวิทยาศาสตร์จำนวน 3 ชนิด ในศพผู้ตาย แม้รับฟังว่าพบสารพิษจริง แต่ก็ไม่เป็นประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบ

 

ที่จำเลยอ้างว่านางปริศนา ไม่ทราบนามสกุล มีความเกี่ยวข้องกับการโอนเงิน จากบัญชีธนาคารซิตี้แบ็งก์ สาขาสิงคโปร์ มาเข้าบัญชีจำเลย  และดีเอ็นเอที่พบในคมใบจักรเลื่อยลูกหมูไม่มีดีเอ็นเอผู้ตาย นั้นฟังไม่ขึ้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยล่วงรู้รหัสบัตรกดเงินสด(ATM)ของผู้ตายแล้วประสงค์ต่อทรัพย์ จึงใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อเอาบัตร จากนั้นก็ไปกดเงินมาเข้าบัญชีของจำเลย ข้อต่อสู้อื่นของจำเลยฟังไม่ขึ้น

 

พิพากษาว่า จำเลยเป็นผู้กระทำความผิดจริง พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์

 

ให้ประหารชีวิต

 

หลังฟังคพิพากษาแล้ว  ทนายความของนายอาเธอร์  เผยแก่นักข่าวว่า  หลังจากนี้ระหว่างรับโทษในเรือนจำ นายอาเธอร์อยากให้ตนดำเนินการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษตามระเบียบของเรือนจำ และเมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว จำเลยก็มีสิทธิจะยื่นเรื่องขอแลกเปลี่ยนนักโทษ เพื่อจะกลับไปรับโทษที่ประเทศสเปน

 

matemnews.com 

20 พฤศจิกายน 2562