“พิชัย” ทวง สัญญารัฐบาล ไม่ทำแล้วหาเสียงทำไม ชี้ เคยค้านแล้วแต่ยืนยันทำได้ ห่วง “บิ๊กตู่” คิดย้อนยุค คนคิดตามต้องคิดถอยหลัง
นาย พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า อยากทวงถามสัญญาประชาคมที่รัฐบาลโดยพรรคพลังประชารัฐ ได้หาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ทำตามที่สัญญาไว้เลย ได้ล่าสุดรัฐบาลขี้นค่าแรงเพียง 5-6 บาท ทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้นอยู่ที่วันละ 313-336 บาท แทนที่จะเป็นวันละ 400-425 บาทตามที่ได้หาเสียงไว้ และ รัฐบาลโดย รมว. พัฒนาสังคมฯ ยังได้ปฏิเสธที่จะเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาท ตามที่เคยสัญญากับผู้สูงอายุ โดยอ้างว่ารัฐบาลไม่มีเงิน
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายอุตตม สาวนายน รมว. คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังได้ปฏิเสธที่จะลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% ตามที่หาเสียงไว้ โดยอ้างว่าเป็นธรรมดาของการหาเสียงที่พูดกว้างๆไม่ได้ลงรายละเอียด นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ที่ออกมาช่วยเหลือเกษตรกร ก็ทำไม่ได้ตามที่เคยสัญญาไว้ดังนี้ ยางพารา 65 บาท /กก. ปาล์มน้ำมัน 5 บาท/กก. อ้อย 1,000 บาท/ตัน มันสำปะหลัง 3 บาท/ กก. ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท/ตัน ข้าวเจ้า 12,000/ ตัน นอกจากนี้ยังมี จบอาชีวะ เงินเดือน 18,000 บาท จบปริญญาตรี เงินเดือน 20,000 บาท และ โครงการมารดาประชารัฐ กองทุนพลังประชารัฐหมู่บ้านละ 2 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้มีการดำเนินการเลย โดยหากจะไม่ตั้งใจที่จะดำเนินการ แล้วจะหาเสียงทำไม เท่ากับเป็นการหลอกลวงประชาชนใช่หรือไม่ อีกทั้งจะเป็นการผิดกฏหมายการเลือกตั้งหรือไม่ ที่ไม่ทำตามที่ได้สัญญาไว้ โดยอยากขอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เข้าตรวจสอบและดำเนินคดี
โดยในช่วงหาเสียง ตนได้เคยเตือนแล้วว่า นโยบายต่างๆที่พรรคพลังประชารัฐเสนอมาทั้งหมดพรรคพลังประชารัฐได้มีการคำนวณค่าใช้จ่ายหรือไม่ เพราะจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาลถึงหลายแสนล้านบาทถึงล้านล้านบาทได้ ถ้าจะทำหมดทุกนโยบาย ซึ่งไม่น่าจะทำได้ แต่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าสามารถทำได้จริง แต่พอได้เป็นรัฐบาลกลับไม่ทำเลย อีกทั้งพรรคพลังประชารัฐเองก็ยังไม่ได้ชี้แจงที่มาของรายได้ และ การคุ้มทุนของแต่ละโครงการตามที่รัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ ซึ่งจะเป็นการกระทำผิดหรือไม่
ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แม้จะอ้างว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีสืบทอดต่อมาได้ก็เพราะเป็นผู้ที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อเป็นนายกฯ ได้รักษาคำมั่นสัญญาและเร่งปฏิบัติตามนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐได้สัญญาไว้ ที่พลเอกประยุทธ์อ้างว่าอ่านหนังสือมากก็อยากให้อ่านนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐเสนอไว้ให้ครบ และถ้าหากทำไม่ได้ก็ต้องออกมารับผิดและขอโทษประชาชน และก็อาจจะต้องยอมรับให้ กกต. ลงโทษตามกฏหมาย อย่าให้ประชาชนคิดว่าการที่ต้องคิดตามพลเอกประยุทธ์ให้ทันตามที่พลเอกประยุทธ์บอกหมายถึงต้องคิดแบบถอยหลังย้อนยุค เพราะการหาเสียงแล้วไม่ทำเป็นการเมืองน้ำเน่าในอดีตที่ประชาชนได้ก้าวข้ามมาไกลแล้ว ถ้านี่คือส่ิงที่พลเอกประยุทธ์บอกให้คนคิดให้ทันตัวเอง อาจจะต้องเป็นพลเอกประยุทธ์เองที่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ให้ทันโลก การที่อาจจะสำคัญตัวเองผิดจะยิ่งทำให้ประเทศถอยหลังมากขึ้น ประชาชนจะยิ่งลำบากกันมาก
matemnews.com
13 ธันวาคม 2562