ตามที่มี ทีวี หลายช่องเบอลรูปถุงลาสติกในการเสนอข่างวหรือเรื่องราวต่างๆขณะแพร่ภาพ จนทำให้โลกโซเชียลวิจารณ์ซ่าเป็นรายการดราม่า ต่อมาเช้าวันที่ 3 ม.ค.2563 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ มาที่ทำเนียบรัฐบาล นักข่าวยกเรื่องนี้ขึ้นถาม ตอบว่า
“การที่สถานีโทรทัศน์แต่ละแห่งจะดำเนินการอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับสถานีนั้น เพียงแต่ว่าเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2562 มี 8 สถานีโทรทัศน์ ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน ได้แสดงความจำนงให้ความร่วมมือลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก หากเราย้อนกลับไป การเบลอถุงพลาสติกก็ไม่ต่างจากการเบลอภาพบุหรี่ สุรา หรือปืน แต่วันนี้พอมาพูดถึงการเบลอถุงพลาสติกก็ต้องมองอีกมุมหนึ่งว่าไม่สามารถลดได้ แต่อย่างน้อยการดราม่าทำให้สังคมรับรู้ว่า 1 ม.ค.2563 ประเทศไทยเลิกใช้ถุงพลาสติก และสังคมไทยโดยเฉพาะในโลกออนไลน์การที่จะติติงหรือการทำอะไรแล้วเกิดการดราม่าเป็นเรื่องที่ง่าย แต่อยากจะฝากถึงประชาชนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงและโลกออนไลน์ว่า อยากให้ดูถึงเจตนารมณ์ของสถานีโทรทัศน์ต่างๆว่าเขามีเจตนาดีที่อยากจะแสดงให้สังคมเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะลด เลิก การใช้ถุงพลาสติก”
นักข่าวถามว่า มีความเห็นอย่างไรในกรณีที่มีประชาชนที่ยังไม่ทราบแล้วไม่เตรียมตัวนำอุปกรณ์อย่างอื่น เช่น กระสอบ ถุงปุ๋ย ถังพลาสติก ไปใส่แทนถุงผ้า นายวราวุธ ตอบ
“ผมเห็นภาพแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกระโถน ถังน้ำ รถซาเล้ง หรือรถขนปูน สิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่สร้างสรรค์ สร้างรอยยิ้ม ต้องขอบคุณประชาชนคนไทยที่มีอารมณ์ขัน แฝงด้วยความที่รักในสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย เพราะวันนี้สิ่งที่เราจะนำมาใส่สินค้า แน่นอนว่าการที่จะหาอะไรมาแทนถุงพลาสติกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเมื่อไม่มีแล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนจะดิ้นร้น หาอะไรมา เช่น ถุงข้าวสาร กระสอบปุ๋ย หรืออะไรมาก็ได้ เพราะในเมื่อไม่มีถุงพลาสติกแล้ว ท้ายที่สุดแล้วไม่เกินฝีมือคนไทยที่จะหาทุกอย่างมาใส่ได้ เพราะคนไทยเก่งและไม่แพ้ชาติใดที่จะปรับตัว เพียงแค่ผ่านไป 3 วันเราก็เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การนำเอาชั้นตากเนื้อแดดเดียวมาใส่สิ่งของ”
นักข่าวถามต่อ ประเด็นขณะนี้มีการตั้งโรงงานรีไซเคิลขยะพิษที่ขนมาจากประเทศจีนกว่าพันโรงงานในประเทศไทย นายวราวุธ ตอบ
“ ปัจจุบันการนำเข้าขยะไม่ว่าเป็นพลาสติกหรืออิเล็กทรอนิกส์เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย วันนี้ประชาชนทำอย่างเต็มแล้วที่จะลดปริมาณการใช้พลาสติก แต่กลายเป็นว่ามีการนำเอาขยะเหล่านี้เข้ามาในประเทศ จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล ผมขอน้อมรับไว้ และไม่ขอแก้ตัวว่าเป็นบทบาทหน้าที่ของกรม หรือกระทรวงใด กระทรวงทรัพย์จะมีการเร่งประชุมเรื่องนี้ เพื่อหยุดการนำเข้าขยะพิษและขยะอิเล็กทรอนิกส์ แม้บางฝ่ายจะอ้างว่าการนำเข้าเพื่อรีไซเคิล แต่เป็นการนำขยะเข้ามาทิ้งในบ้านเรา ประเทศไทยไม่ใช่ถังขยะของบ้านอื่น ฉะนั้นต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วน การตั้งโรงงานเราไม่อยากจะไปโบ้ยว่าเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงอื่น แต่เราจะทำให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะผมตั้งปณิธานเอาไว้ว่าปี 63 จะเป็นปีแห่งการลดมลพิษของประเทศไทย และผมจะทำให้ดีที่สุด ส่วนได้พูดคุยกับกระทรวงอุตสาหกรรมหรือไม่นั้น เรื่องการหารือข้ามหน่วยงานมีการพูดคุยกันแน่นอน ส่วนการตั้งโรงงานต่างๆที่จะให้เศรษฐกิจบ้านเราพัฒนาไปข้างหน้าเราก็สนับสนุน แต่ทุกโรงงานต้องมีการบำบัดของเสีย ส่งเสริมการดูแลวิ่งแวดล้อม”
matemnews.com
3 มกราคม 2563