ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัค หรือ หมวดเจี๊ยบ อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่30 ก.ย.2560 ว่า ขณะนี้สื่อต่างประเทศอ้างข้อมูลจากทำเนียบขาวของสหรัฐเปิดเผยว่า ในการพบหารือกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 2 ต.ค.2017 รัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะไปเจรจาขอซื้ออาวุธล็อตใหม่จากสหรัฐ นอกจากนี้ยังจะไปปิดดีลการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ Black Hawk 4 ลำ ที่กองทัพไทยเคยเจรจาซื้อจากสหรัฐค้างไว้ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ยังปิดดีลไม่สำเร็จ เพราะเกิดการยึดอำนาจโดย คสช. ขึ้นเสียก่อนเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ทำให้ดีลซื้อเฮลิคอปเตอร์ครั้งนั้นต้องหยุดชะงักเพราะยังไม่ได้ส่งมอบ เพราะเหตุนี้หรือเปล่า จึงต้องมีการตามไปปิดดีลกันอีกรอบ และไม่ทราบว่าดีลซื้อขายอาวุธครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอาผลประโยชน์ของชาติไปแลกด้วยหรือไม่ เพราะสื่อต่างประเทศระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมกดดันให้ประเทศไทย เป็นหัวหอกในภูมิภาคเพื่อคว่ำบาตรรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซึ่งกำลังมีความขัดแย้งตึงเครียดกับสหรัฐอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสถานทูตเกาหลีเหนือ
สื่อต่างประเทศยังแฉอีกด้วยว่า เมื่อ ครั้งที่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ คือ นาย เร็กซ์ ทิลเลอสัน พบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในไทยเมื่อสิงหาคม 2560 พล.อ.ประยุทธ์ อาจปิดบังความจริงเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้ากับเกาหลีเหนือ ซึ่งไทยอ้างว่า การค้าระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือในปีนี้ลดลงไปแล้วถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสวนทางกับข้อมูลของรอยเตอร์ ที่ระบุว่าการลงทุนของเกาหลีเหนือในไทยยังมีมูลค่าสูงเท่าเดิม และไม่พบว่าธนาคารของไทยจะปิดบัญชีของนักธุรกิจเกาหลีเหนือแต่อย่างใด ไม่ทราบว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ถ้าเป็นความจริง ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ควรต้องชี้แจงต่อสังคม ว่า การเยือนสหรัฐครั้งนี้ ไทยจะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และจะได้ประโยชน์อย่างไร เพราะไม่เห็นว่าสหรัฐจะใส่ใจกับประเด็นหารือ เกี่ยวกับการพัฒนาการค้าและการลงทุนกับสหรัฐ ที่เป็นรูปธรรมอย่างที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พยายามประโคมข่าวแต่อย่างใด เห็นสหรัฐเน้นแต่เรื่องการเจรจาซื้ออาวุธและประเด็นเกี่ยวกับสงคราม และความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือเท่านั้น
นอกจากนี้ ก็น่าสงสัยด้วยว่า ถ้ารัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการยอมรับจากชาติมหาอำนาจจริง เหตุใด ในแผนการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเซียเป็นครั้งแรกของ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ระหว่างวันที่ 3-14 พ.ย 2560 ทำไมจึงไม่มีรายชื่อประเทศไทยอยู่ใน 5 ประเทศที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะไปเยือน ทั้งๆ ที่ นาย ทรัมป์ มีกำหนดจะไปเยือน เวียดนามและฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลจากประเทศไทย มันแปลกหรือไม่ ที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อุตส่าห์บากหน้าเดินทางดั้นด้นไปหาประธานาธิบดี ทรัมป์ถึงสหรัฐ โดยเอาภาษีคนไทยไปจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและค่ากินอยู่หลายสิบล้าน แต่พอ นาย ทรัมป์ เดินทางมาใกล้ ๆ เมืองไทยแค่ปลายจมูกนิดเดียว กลับเลือกที่จะเดินทางข้ามประเทศไทยไปโดยไม่คิดจะแวะมาเลยแม้แต่น้อย
matemnews.com 30 กันยายน 2560