Home ข่าวทั่วไปรอบวัน รัฐบาลต้องลาออก  พ.ร.บ.งบประมาณเป็นโมฆะ

รัฐบาลต้องลาออก  พ.ร.บ.งบประมาณเป็นโมฆะ

411
0
SHARE

 

 

ข่าวของ “แนวหน้า”

https://bit.ly/2G5KEpj

20 มกราคม 2563 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากการตรวจสอบเกี่ยวกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ของสภาผู้แทนราษฎร พบว่า มี ส.ส.กดบัตรแทนกันในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 10 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 20.50 น. ที่มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท พบว่า มี ส.ส.เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน คือ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย

 

 

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม ในเวลาดังกล่าวพบว่านายฉลอง ได้เดินทางไปยังสนามบินหาดใหญ่ แต่กลับปรากฏชื่อนายฉลองร่วมเป็นองค์ประชุม และมีชื่อนายฉลองร่วมลงมติในร่างกฎหมายดังกล่าวมาตลอด ตั้งแต่มาตรา 39 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในวันที่ 10 มกราคม มีการปิดประชุมในเวลา 01.07 น. ก่อนกลับมาเปิดประชุมสภาฯอีกครั้ง วันที่ 11 มกราคม โดยพบว่าในเวลา 11.10 น. ที่มีการลงมติมาตรา 40 ว่าด้วยงบประมาณสำหรับแผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ปรากฎชื่อนายฉลองร่วมลงมติอีกด้วย

 

เช่นเดียวกับในเวลา 17.34 น.-17.38 น. มีชื่อนายฉลองลงมติเห็นชอบในวาระที่ 3 และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ทั้งๆที่ในวันที่ 11 มกราคม ซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาตินั้นได้มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายทางเฟซบุ๊กของเทศบาลตำบลอ่างทอง จังหวัดพัทลุง พร้อมกับระบุว่านายฉลองได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ จากนั้นในวันเดียวกันยังได้ไปเปิดทางวันเด็กแห่งชาติที่ อบต.ชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง อีกด้วย ที่สำคัญนายฉลองเดินทางกลับ กทม.จากสนามบินนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 13 มกราคม ในเวลา 11.55 น. ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่านายฉลองไม่ได้อยู่ที่สภาฯในวันดังกล่าว

 

“อาจมีการอ้างว่าเป็นการเสียบบัตรทิ้งไว้ที่เครื่องลงคะแนน แต่อยากจะอธิบายว่าโดยปกติเมื่อสภาฯมีการปิดประชุม เจ้าหน้าที่ของสภาจะดึงบัตรออกในวันนั้นหรือไม่ก็ตอนเช้าก่อนประชุม เพื่อเคลียร์ระบบ ถ้าไม่เช่นนั้นจะเซตระบบไม่ได้ จึงเป็นที่สงสัยว่าเมื่อมีการปิดประชุมไปแล้ว และกลับมาประชุมอีกครั้งทำไมถึงมีชื่อนายฉลองมาโหวตในช่วงดังกล่าวได้” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

 

อดีตส.ส.พัทลุง กล่าวอีกว่า การลงมติงบประมาณตั้งแต่มาตรา 39 เป็นต้นไป ย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการเสียบบัตรแทนกัน แต่จะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯหรือไม่ เป็นหน้าที่ของ ส.ส. และเชื่อว่าการที่ออกมาตรวจสอบในเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด เรื่องนี้สภาต้องตรวจสอบต่อไปและหาทางที่จะไม่ให้กฎหมายฉบับนี้มีปัญหาเหมือนกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 3-4/2557 กรณีการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท

 

“ผมตรวจสอบการทำงานของ ส.ส. กว่าท่านจะได้เข้ามามีการใช้เงินเยอะนะ แล้วเรื่องก็ยังค้างอยู่ที่ กกต.ด้วย ที่ผมไปร้องว่ามีการซื้อเสียงเหลือเรื่องนี้เรื่องเดียว ขอฝากถึง กกต.ด้วยว่าท่านกลั่นกรองคนเข้าสภาฯอย่างไรให้มาทำหน้าที่อย่างนี้ในสภาฯ แล้วจะกระทบต่อประเทศชาติ” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

 

เมื่อถามย้ำว่าการออกมาพูดเรื่องนี้จะไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ในการร่วมรัฐบาลหรือ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนตรวจสอบเฉพาะหมายแล้วไม่พูดเลยก็ไม่ได้ ส่วน ส.ส.คนอื่นเท่าที่รู้ก็มี แต่ไม่ตรวจสอบเพิ่มเติม และหากสภาฯจะเริ่มต้นดำเนินการตรวจสอบ และเรียกตนไปให้ข้อมูลก็ยินดีให้ความร่วมมือ ยืนยันว่าเอกสารทั้งหมดที่นำมาแถลงเป็นเอกสารเปิดเผยทั้งหมด สื่อสามารถตรวจสอบได้

 

เมื่อถามว่าในฐานะเป็นนักกฎหมายมองว่าหากร่างพ.ร.บ.งบประมาณเป็นโมฆะจะส่งผลอย่างไรบ้าง นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ความเห็นของตนอาจจะไม่ตรงกับนายวิษณู เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ ต้องไปถามท่าน แต่ส่วนตัวเห็นว่าต้องทำให้ไม่เป็นโมฆะ โดยต้องกลับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยว่ากระบวนการร่างกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเป็นโมฆะ แต่เรื่องงบต้องทำให้ข้อเท็จจริงต่างจากเรื่องเงินกู้ ตนคิดอย่างนี้แต่ไม่อยากจะพูดเพราะอาจจะขัดแย้งกับนักกฎหมายคนอื่น คือ ต้องทำให้ชอบ ถ้าทำอย่างนี้ก็ต้องมีปัญหา

 

ต่อข้อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องนี้ไปโจมตีได้ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น แค่ทำหน้าที่เท่านั้น ส่วนใครจะเอาไปเป็นประโยชน์ก็เป็นเรื่องที่ว่ากันต่อไป ซึ่งตนในฐานะนักกฎหมายมองว่าเรื่องนี้มีทางออก 2-3 ทางที่สามารถทำได้ แต่พรรคภูมิใจไทยต้องให้ความร่วมมือ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเสร็จสิ้นการแถลงข่าวของนายนิพิฏฐ์ ปรากฎว่านายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ลงมาพบกับนายนิพิฏฐ์ พร้อมกล่าวชื่นชมว่านายนิพิฏฐ์กัดไม่ปล่อย และยอมรับว่านายฉลองอาจไม่รอบคอบ

 

https://bit.ly/2ufkTQK

‘ฉลอง’รับเสียบบัตรทิ้งจริง ปัดฝากคนอื่น ลั่นพร้อมถูกตรวจสอบ

20 มกราคม 2563 นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงระบุเป็น ส.ส.ที่เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ของสภาผู้แทนราษฎร (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : กัดไม่ปล่อย!‘นิพิฏฐ์’หอบหลักฐานแฉ‘เด็กภท.’เสียบบัตรแทนผ่านงบ63) ว่า ตนได้ออกจากรัฐสภาช่วงค่ำของวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา จริง และในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม ได้เดินทางไปร่วมงานวันเด็กที่ ต.อ่างทอง อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง โดยได้เสียบบัตรทิ้งไว้ แต่ไม่ได้มอบหมายให้ใครกดแทน ตนต้องรีบกลับมาเพื่อเตรียมการรับศพญาติ ภายหลังจากประสบอุบัติเหตุ 5 ศพที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งต้องประสานนำศพกลับบ้าน

 

 

เมื่อถามว่าตามปกติทุกเช้าเจ้าหน้าที่ห้องประชุมจะต้องดึงบัตรที่ค้างไว้ออกทั้งหมด เพื่อเคลียร์ระบบ นายฉลอง กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจ แต่เสียบบัตรทิ้งไว้จริงๆ ซึ่งปกติจะวาง หรือเสียบบัตรค้างไว้ในห้องประชุม และตอนเย็นจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บ หลายครั้งที่ตนได้ไปเอาบัตรคืนจากหน้าที่ ส่วนใครจะเสียบบัตรแทนหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ฝากใคร หรือให้ใครเสียบบัตรกดลงคะแนนแทน

 

“ผมพร้อมรับการตรวจสอบจากกรณีดังกล่าวตามที่นายนิพิฏฐ์ ออกมาเปิดเผย เพราะข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้น และยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจ โดยจะปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ในพรรคภูมิใจไทยถึงประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง” นายฉลอง กล่าว

 

สำหรับนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ได้ลงสมัครส.ส. เขต 2 พัทลุง พรรคภูมิใจไทย และชนะเลือกตั้งโดยได้  45,231 คะแนน ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัคร จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 20,091 คะแนน

…………………………………

 

 

21 มกราคม 2563 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส. ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2563 ว่า หลักฐานของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้อง ถือว่าชัดเจน นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ผู้ถูกร้อง ก็ออกมารับสารภาพแล้วว่าไม่อยู่ในสภาจริง

 

 

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า กรณีของนายฉลอง อาจไม่ใช่กรณีเดียว อาจมี ส.ส.พรรครัฐบาลเดินทางไปต่างประเทศ แต่มีการเสียบบัตรแทนกันในสภาเพิ่มอีก ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากในภายหลังมีการส่งเรื่องร้องตีความ จนกระบวนการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ดังกล่าว กลายเป็นโมฆะ จะเกิดสูญญากาศขึ้นมาทันที หลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐบาลต้องลาออกอย่างเดียว สังเกตว่าช่วงนี้มีการแฉกันไปมาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แม้แต่ในพรรคเดียวกันอย่างกรณีแชทไลน์หลุด ถ้าไม่มีคำตอบให้กับประชาชน เรื่องเหล่านี้จะกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลมากยิ่งขึ้น

 

“สนิมเกิดจากเนื้อใน ได้อำนาจมาจากกติกาที่บิดเบี้ยว ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ควรปล่อยผ่าน ทั้งที่มีข้อกังขา ควรดำเนินการให้ถูกต้อง ตรงไปตรงมา เวลาของรัฐบาลเหลือน้อยลงทุกขณะแล้ว” นายอนุสรณ์ กล่าว

 

 

 

matemnews.com 

21 มกราคม 2563