นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่สภาเกียกกาย 22 ม.ค.2563 ประเด็น ส.ส.พัทลุง ภูมิใจไทย “นายฉลอง เทอดวีระพงศ์” เสียบบัตรทิ้งไว้แล้วมีคนไปกดโหวตแทน จนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ว่า
“ในเรื่องของตัวกฎหมาย เราไม่สามารถไปวินิจฉัยเองได้ เพราะว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย แต่เรื่องการสอบสวนสมาชิกฯ เป็นเรื่องภายในของสภาว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของผู้ใด ที่ผ่านมาเคยมีกรณีของ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ที่อ้างว่าเสียบบัตรทิ้งไว้ในช่วงการลงมติเกี่ยวกับญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ผมได้ให้มีการตรวจสอบโดยมีการเอากล้องวงจรปิดมาดูและทางเลขาธิการฯ ก็รายงานว่า ไม่สามารถจะรู้ได้ว่า ใครไปเสียบบัตรแทน ถือว่า เป็นปัญหาที่ติดอยู่ เพราะโดยทั่วไปแล้ว บัตรที่เสียบไว้ ต้องไม่มีใครไปกดแทน ส่วนกรณีการเสียบบัตรแทนกันแล้วทำให้ร่างกฎหมายตกไปนั้น เคยมีตัวอย่างคำพิพากษาเมื่อปี 2557 แต่ต้องดูว่ากรณีนี้เหมือนกันหรือไม่ ในคราวนั้น มีข้อกล่าวหาอยู่หลายข้อ โดยหนึ่งในข้อกล่าวหา มีประเด็นของผมคือ การที่ผมไม่สามารถอภิปรายได้ เนื่องจากประธานในขณะนั้นเห็นว่า ผมแปรญัตติเกินเวลา เมื่อศาลตัดสินแล้ว ปรากฏว่า ผมไม่ได้แปรญัตติเกินเวลาแต่อย่างใด หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 นำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็จำเป็นที่จะต้องชะลอการทูลเกล้าฯ เพราะว่า กฎหมายที่จะนำไปสู่รัฐบาล และรัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปนั้น จะต้องไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย ไม่เช่นนั้น จะมีปัญหาตามมา จะต้องทำให้เรียบร้อย การที่แต่ละฝ่ายจะใช้สิทธิ์ในการเข้าชื่อเพื่อวินิจฉัย ผมจึงไม่อยากชี้นำไปล่วงหน้า เพราะวุฒิสภาได้ผ่านการพิจารณามาแล้ว และต้องรอไว้ 3 วันก่อนที่จะมีการส่งร่างไปยังรัฐบาลเพื่อทูลเกล้าฯ ผมคิดว่าขั้นตอนในการพิจารณของศาลฯ น่าจะไม่นาน ยอมเสียเวลาบ้างจะดีกว่าปล่อยให้เคลือบแคลงสงสัย”
matemnews.com
22 มกราคม 2563