เว็บไซต์รัฐบาลไทย เผยแพร่
นายกรัฐมนตรีมั่นใจไทยควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอู่ฮั่น พร้อมเห็นชอบหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม
นายกรัฐมนตรีมั่นใจไทยควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอู่ฮั่น พร้อมเห็นชอบหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม
วันนี้ (4 ก.พ. 63) เวลา 14.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า วิปรัฐบาลได้เสนอช่วงวันอภิปรายในญัตติการไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 25 – 27 ก.พ. 63 โดยจะมีการลงมติในวันที่ 28 ก.พ. 63 และมีการปิดสมัยการประชุมสภาในวันที่ 29 ก.พ. 63 โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวด้วยความมั่นใจว่าทางรัฐบาลสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ได้มีการหารือกันถึงมาตราการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนในส่วนของการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอู่ฮั่น เพื่อใช้ช่วงเวลานี้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการดูแลเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้การใช้งบประมาณถูกต้องตรงตามเป้าหมาย โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ทั้งการช่วยเหลือเกษตรกรรายเล็ก ผู้ประกอบการรายเล็ก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม บูรณาการร่วมกันเพื่อช่วยเหลือและจัดหาเครื่องจักรให้แก่เกษตรกรในการทำเกษตรที่จะช่วยลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ด้วย
สำหรับการรับตัวคนไทยจากอู่ฮั่นกลับสู่ประเทศไทยนั้น นายกรัฐมนตรีกำชับการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนทุกอย่างอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลความปลอดภัย ความสะดวกสบายให้แก่คนไทยที่เดินทางกลับมา การกักกันเชื้อโรค และการตรวจคัดกรองอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ โดยพื้นที่ควบคุม จะใช้สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
สุดท้ายนี้นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจในการทำงานของรัฐบาลและการทำงานของบุคลากรด้านสาธารณสุขว่าได้ทำงานอย่างเต็มที่ และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เพื่อป้องกันไม่ให้มีความรุนแรงไปมากกว่านี้ ที่สำคัญ คือ การให้ความรู้แก่ประชาชนทั้งการใช้หน้ากากอนามัย การกำจัดหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วซึ่งจะกลายเป็นขยะติดเชื้อ ต้องทิ้งอย่างถูกต้อง นายกรัฐมนตรียังกำชับว่า หากผู้ใดพบเจอการขายหน้ากากอนามัยสูงเกินราคาให้สามารถแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายในได้ทันที เพราะวันนี้ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุมแล้ว
…………………………
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
นายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลยังรับมือสถานการณ์ไวรัสโคโรนา และสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก ขอความร่วมมือสื่อนำเสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลยังรับมือสถานการณ์ไวรัสโคโรนา และสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก ขอความร่วมมือสื่อนำเสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง
วันนี้ (3 ก.พ.63) เวลา 17.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมสรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรนา และประชุม VTC ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงในนามของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลว่า ขณะนี้การแก้ปัญหาทั้งสองเรื่องยังไม่ถึงขั้นจะต้องใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่อยู่แบบ เพราะยังอยู่ในระดับที่1 – 2 โดยเฉพาะสถานการณ์ไวรัสโคโรนายังสามารถรับมือได้ โดยมีมาตรการป้องกันทั้งในเรื่องของการแพร่กระจาย การตั้งรับ การเตรียมการในการรับประชาชนกลับประเทศ การรักษาพยาบาลเพื่อป้องกันการแพร่ไปสู่ระดับ 3 ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประเทศไทยสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี และได้รับความชื่นชมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศต้นทาง (จีน) ขณะเดียวกันได้มีหลายประเทศในอาเซียนต้องการที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ของประเทศไทยในการที่ขับเคลื่อนการป้องกันแก้ไขโรคอุบัติใหม่ด้วย เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งด้านสุขภาพเป็นอันดับ 6 ของโลก จาก 180 ประเทศ ในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ได้เป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าสิ่งสำคัญ คือ ต้องไม่ตื่นตระหนกจนเกินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ยังสามารถที่จะคัดกรองและรักษาให้หายได้ พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง โดยคณะกรรมการเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาเรื่องได้มีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเผยแพร่ข้อมูล คำแนะนำทางการแพทย์ การป้องกันตนเอง การใช้หน้ากาก ทั้งนี้ ยืนยันรัฐบาลว่าไม่มีการปกปิดข้อมูลใด ๆ และขอให้ประชาชนทุกคนดูแลตัวเองให้มากที่สุด รวมทั้งให้เครดิตกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้า เพื่อจะได้มีกำลังใจในการทำงาน โอกาสนี้ ขอชมชื่นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกคน ที่พยายามช่วยกันแก้ปัญหาอย่างหนัก ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนการดูแลจากต่างประเทศขณะนี้ก็ได้เตรียมการพร้อมแล้ว รวมทั้งขณะนี้ก็ได้มีการมาตรการเสนอความช่วยเหลือไปยังประเทศต้นทางแล้ว โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลก็จะมีการดำเนินการต่อไปผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุขด้วย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการทำงานว่า รัฐบาลเน้นความสำคัญดูแลในภาพรวมทั้งหมด ทั้งสถานที่สาธารณะ พื้นที่ชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงการใช้มาตรการในการคัดกรองตามสนามบินด่านชายแดน ช่องทางทางธรรมชาติต่าง ๆ โดยความร่วมมือทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลเรือน ทหาร รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ ได้ย้ำเตือนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันไวรัสโคโรนาให้ติดตามสถานการณ์ 24 ชั่วโมง รวมทั้งได้ขอความร่วมมือพื้นที่เอกชน สถานที่สาธารณ สถานที่ท่องเที่ยวให้มีการรณรงค์ให้มีการใส่หน้ากากและแจกหน้ากากแก่ผู้ที่มีความเสี่ยง ทั้งนี้หากรู้สึกตนเองไม่สบายให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
ส่วนการแจกหน้ากากรัฐบาลก็ยินดีที่จะแจกให้ โดยต้องมีมาตรการกำจัดหน้ากากที่ใช้แล้วอย่างเหมาะสม ไม่ให้ส่งผลกระทบภายหลัง แนะเจ้าหน้าที่เก็บกวดขยะดูแลตนเอง ทั้งนี้ควรหมั่นใจต่อการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของเรา และให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานอย่างเต็มที่ และในระยะต่อไปหลังเหตุการณ์นี้ยุติแล้วอาจจะมีการพิจารณาเตรียมการในการประชุมเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันโรคอุบัติใหม่เหมือนเช่นที่เคยประชุมในช่วงที่ผ่านมา เช่น โรคไข้หวัดนก และโรคซาร์ส เป็นต้น
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐาน อย่างเต็มที่ หลายมาตรการเป็นการดำเนินการในระยะยาว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขนส่ง การจราจร การเผาวัชพืช การเผาในที่โล่งแจ้ง ทุกอย่างต้องแก้ที่ต้นเหตุ แต่สิ่งสำคัญคือ ประชาชนจะต้องไม่เดือดร้อน ดังนั้นการดำเนินการทุกมาตรการต้องพิจารณาความเหมาะสม เป็นไปตามระยะเวลาและความเป็นไปได้ ทั้งนี้ กฎหมายต่างๆ มีอยู่แล้วขึ้นอยู่กับการบังคับใช้ ซึ่งรัฐบาลเน้นความปลอดภัยและความสะดวกของประชาชนควบคู่กันไป ขณะนี้ ได้มีดำเนินการทั้งการตรวจการเข้า-ออกของรถบรรทุก รถปิ๊กอัพ ตรวจจับควันดำที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน กระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานครก็ได้ปรับเปลี่ยนรถขนส่งมวลชน รวมทั้งรณรงค์ใช้น้ำมันที่สอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรม นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่า ระหว่างการประชุมได้เน้นย้ำรัฐมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องบูรณาการงานเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วที่สุด พร้อมสั่งให้มีการรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่อง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวเตือนถึงการเผยแพร่ข่าวปลอม (Fake news ) และการกล่าวร้ายหรือสร้างความเกลียดชัง (Hate speech) ในสื่อสังคมออนไลน์ว่า เป็นความผิดซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการอย่างจริงจังในการสืบค้นและลงโทษผู้กระทำความผิด ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาในทุกเรื่อง ซึ่งความร่วมมือของพี่น้องประชาชน คือ การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
———————
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
matemnews.com
4 กุมภาพันธ์ 2563