มีรายการทดสอบร่างกายนายทหารระดับสูงของกองทัพบก ประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ บก.ทบ.ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ เมื่อตอนเช้า 8 ก.พ.2563 โดย 8 โมงเช้า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เดินจูง “ซีบร้า” สุนัขทหารพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ท ออกมาจากตึกเข้าไปหาคณะนักข่าวที่รออยู่ พูดว่า “วันนี้ร่างกายไม่ค่อยเต็มที่ เพราะไม่ได้นอนมา 3 คืน” แล้วก็เข้าทดสอบร่างกายทั้ง 3 สถานี ดันพื้น 2 นาที ได้ 33 ครั้ง คิดเป็น 77% / ลุกนั่ง 2 นาที ได้ 60 ครั้ง คิดเป็น 94% และวิ่ง 2 กิโลเมตร จำนวน 5 รอบครึ่งของสนามฟุตบอล แล้วก็มาพูดกกับคณะนักข่าว
“ผทพูดเสมอกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่าต้องบังคับตัวเอง ถ้าวันนี้ไม่บังคับตัวเองให้อยู่ในระเบียบวินัย ไม่พัฒนาคุณภาพความรู้ สมรรถภาพร่างกาย ก็ไม่ต้องเป็นผู้บังคับหน่วย คนจะเป็นผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม ต้องสอบแบบทดสอบสำหรับวัดระดับความรู้หรือทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ Toeic ให้ผ่าน โดยการสอบครั้งแรกจะออกค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบให้ผู้บังกองพัน และ ผู้บังคับการกรมทั้งประเทศด้วย ทุกคนต้องพัฒนาความรู้ ผมก็ไม่ได้เก่งกาจ ไม่ได้จบต่างประเทศ แต่พยายามจะสื่อสาร ให้กับทางต่างประเทศเพื่อประหยัดเวลา และรู้ว่าเราพยายามที่จะพูด เพราะฉะนั้นตั้งแต่ชั้นนักเรียนนายร้อยก็จะมี อิงลิชโปรแกรม 2-3 ห้อง ส่วนพลทหาร ผ่านการทดสอบร่างกายเข้าโรงเรียนนายสิบ ก็มีเส้นทางให้เขาเติบโต ไม่ใช่เขาปลดประจำการไปแล้วไม่รู้ไปไหน”
“หลังจากได้ชี้แจงไปเมื่อวานนี้แล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ทุกคนก็ต้องพร้อมรับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ในวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 จะพยายามเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ให้ได้ ได้สั่งการให้ไปหาระบบมา และควบคุมโดยสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก จะจัดเจ้าหน้าที่ทำงานตามวันเวลาราชการ 08.00 น.-16.30 น. ส่วนนอกเวลาราชการจะเป็นระบบตอบรับอัตโนมัติเพื่อบันทึกเป็นข้อมูลไว้ แต่รับรองว่ามีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์อยู่แน่นอน ยืนยันว่าสิ่งที่กำลังพลทุกนายถูกเอาเปรียบต้องมีการรายงาน ยศ ชื่อ ตำแหน่ง และสังกัด รวมถึงหมายเลขประจำตัว รับรองว่าทุกอย่างจะเป็นความลับ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เมื่อคืนมีคนส่งข้อความมาถึงผมเรื่องเบี้ยเลี้ยงต่างๆ ผมจึงได้ส่งไปถามผู้บังคับหน่วยเพื่อให้ดำเนินการ ไม่ใช่ดูอย่างเดียว ขั้นต้นผมก็ได้มีการลงโทษ และในวงรอบต่อไปก็จะมีการปรับย้าย ยืนยันว่าทำจริงจัง ขอร้องผู้ที่แจ้งข้อมูลว่าต้องแจ้งข้อความจริงที่เกิดขึ้นกับตนเอง เพื่อจะได้ตรวจสอบได้ว่าบุคคลที่แจ้งมีตัวตนจริง ถ้าโกหกต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย เพราะทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จ นายกรัฐมนตรี บอกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปรับแก้ ให้ทันยุค ทันเหตุการณ์ซึ่งต้องยอมรับว่ากองทัพเป็นเป้าหมาย รวมถึงผมเองด้วย เพราะฉะนั้นการที่ผู้บังคับบัญชาต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่บังคับแต่คนอื่น ก็พยายามทำหลายเรื่อง และได้ทำไปหลายเรื่องแล้วแต่ไม่อยากโฆษณา อย่างที่บอกแล้วว่า propaganda ไม่เก่ง”
นักข่าวถามประเด็น การลงนามกับกระทรวงการคลังในเรื่องทรัพย์สินราชพัสดุ พล.อ.อภิรัชต์ ตอบว่า
“ในส่วนของขั้นตอนจะนำเรื่องที่เป็นสวัสดิการดั้งเดิมของกองทัพบก เช่น สนามกอล์ฟ โรงแรม และสนามมวย ไปหารือกับกระทรวงการคลัง ขณะนี้ได้ข้อยุติแล้วว่าจะเริ่มดำเนินการที่ใดบ้าง เพราะต้องเริ่มเป็นเฟส หรือระยะ โดยเฟสที่1 เริ่มต้นที่โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ สนามกอล์ฟ และสนามมวย โดยจะมีการบันทึกเอ็มโอยูกับกระทรวงการคลังเพื่อใช้สวัสดิการเชิงพาณิชย์และเป็นไปตามกฎหมาย หมายความว่าได้รับที่ไหนมาก็ต้องแบ่งให้กระทรวงการคลัง จากนั้นกระทรวงการคลังก็จะพิจารณาสัดส่วนคืนให้เป็นสวัสดิการของกองทัพบก ก็จะนำไปเข้ากองทุนสวัสดิการต่อไป การบริหารจัดการทั้งหมดจะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการมากกว่าจะใช้ทหาร เพราะมีความเป็นมืออาชีพ เนื่องจากเราไม่ได้เรียนการโรงแรมมา เราไม่ได้เรียนการบริหารจัดการมา แต่เรามีบุคลากรที่ยังทำงานอยู่ อะไรที่ไม่ดีก็ยอมรับ แต่อย่ามาตีซ้ำ ตีซ้อน ผมแก้ไข ไม่ใช่ไม่ทำ ไม่ใช่ผมพูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำ ไปถามดูได้ในกองทัพบกในสิ่งที่ทำ ผมก็ยอมรับ ไม่ใช่แค่สิ่งที่ผิดพลาด และที่เกิดขึ้นนอกกองทัพบก ผมพยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด ผมต้องแบกรับผลกระทบจากกำลังพลที่ทั้งไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะวัตถุประสงค์คือกองทัพบกต้องอยู่”
ถาม อาจจะเกิดผลกระทบกับกำลังพลที่ต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงาน พล.อ.อภิรัชต์ ตอบ
“ เป็นส่วนน้อย เช่นกำลังพลที่ไปช่วยราชการอยู่ที่โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ ก็มีตำแหน่งและเงินเดือนอยู่แล้ว ก็กลับมาทำงานที่เดิม ไม่ใช่ทำงาน 2-3 แห่ง ซึ่งจะทำทุกอย่างให้สะอาดและโปร่งใส เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่แก้ผมจะเป็นคนรับผิดชอบและแก้ไขให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ จริงๆ เราทำมาก่อนแล้ว แต่บางครั้งเป็นเรื่องภายในของกองทัพบก ที่ผู้บังคับบัญชาหลายคนคุยกันและมีการจัดระเบียบยุทโธปกรณ์ ผมพูดได้เต็มปากว่า ทำตั้งแต่ตอนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ขณะที่รับผิดชอบเรื่องสายงานการส่งกำลังบำรุง ผมจัดระเบียบตั้งแต่ตอนนั้น ดังนั้นมาตรการต่างๆ ถือว่าดีแล้ว แต่หากยังหละหลวมอยู่ก็ต้องเพิ่มไป การลงโทษกำลังพลยอมรับว่ากองทัพบก มีกำลังพลเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวก็ต้องเลย์ออฟออกไป มีมากก็ไม่ต้องทำงาน และผมเอาจริงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเด็กใคร ค่ายไหนผมไม่สน อย่ามาอ้าง ทุกวันนี้การมาฝากเป็นโน่นเป็นนี่ ผมให้ 99 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่มีตรงนี้ อาจจะมีจดหมายหลุดมาบ้าง ถือว่ากล้าหาญมากที่ทำ แต่ผมก็พิจารณาถ้าไม่ดี คนเสนอต้องรับผิดชอบ เพราะทุกวันนี้ทหารต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีค่าย ตามที่สื่อเคยเรียก”
matemnews.com
12 กุมภาพันธ์ 2563