รู้ทันนะช่อ
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวบ่าย 24 ก.พ.2563 ประเด็นน.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายนอกสภาครั้งที่ 1 กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตกองทุนพัฒนามาเลเซีย(1MDB) ว่า
“เป็น การให้ข้อมูลเท็จ สร้างการปลุกปั่นยุยงให้สังคมสับสน และอาจมุ่งทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทยอย่างชัดเจน ตอนนี้ความเป็น ส.ส.ของ น.ส.พรรณิการ์ สิ้นสุดลง จึงขาดเอกสิทธิ์คุ้มครองในการอภิปรายในสภาฯ แต่เมื่อ น.ส.พรรณิการ์ นำข้อมูลไปอภิปรายนอกสภาฯ ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ต้องรับผิดชอบการอภิปรายของตนเอง หากไปละเมิดบุคคลหรือหน่วยงานใด น.ส.พรรณิการ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบทางกฎหมายไม่ได้ ซึ่งสามารถถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาททั้งทางแพ่งและอาญา อยากฝากไปยังบรรดาอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ อดีต ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ หรือ ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้าน ที่จะนำข้อมูลไปอภิปรายนอกสภาฯ จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 ได้บัญญัติเกี่ยวกับเอกสิทธิ์ของส.ส.เอาไว้ในมาตรา 124 กำหนดว่าในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภา หรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมาชิกผู้ใดจะกล่าวถ้อยคำใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงลงคะแนน ย่อมเป็น เอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใดๆ มิได้
เอกสิทธิ์ตามวรรคหนึ่งไม่คุ้มครองสมาชิกผู้กล่าวถ้อยคำในการประชุมที่มีการถ่ายทอดทาง วิทยุกระจายเสียง หรือวิทยุโทรทัศน์หรือทางอื่นใด หากถ้อยคำที่กล่าวในที่ประชุมไปปรากฏนอกบริเวณรัฐสภา และการกล่าวถ้อยคำนั้น มีลักษณะเป็นความผิดทางอาญาหรือละเมิดสิทธิในทางแพ่งต่อบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ รัฐมนตรีหรือสมาชิกแห่งสภานั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความผิดพลาดอีกครั้งของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่เป็นอาจารย์นักกฎหมาย แต่กลับปล่อยให้ น.ส.พรรณิการ์ ออกมาเล่นเกมเสี่ยง ให้ข้อมูลเท็จ สร้างความสับสนให้กับสังคม โดยไม่มีเกราะคุ้มกันเช่นนี้ในเวทีที่ไม่ใช่รัฐสภา โดยลืมไปว่าพ้นสภาพจาก ส.ส.แล้ว ก็ขาดจากเอกสิทธิ์ไปโดยอัตโนมัติ หรือเป็นความตั้งใจที่จะสร้างเงื่อนไขทางการเมืองให้เกิดขึ้น รู้ทั้งรู้แต่ก็ปล่อยให้ทำ อาจเพื่อเรียกร้องให้เกิดความเห็นใจหากมีการดำเนินคดีกับ น.ส.พรรณิการ์ สร้างภาพว่าถูกกลั่นแกล้ง ใช้ประชาชนและองค์กรต่างๆที่หลงกลเป็นเครื่องมือทางการเมือง หวังยกระดับสถานการณ์ความขัดแย้งไปสู่การเมืองบนท้องถนน และอาจขอลี้ภัยทางการเมืองใช่หรือไม่ ต้องชื่นชมพรรคอนาคตใหม่ในห้วงเวลาที่ไร้แกนเช่นนี้ หลายท่านมีวุฒิภาวะสมกับเป็นผู้แทนราษฎร และอยากขอให้อีกหลายท่านตั้งสติเคารพกฎหมาย และมีวุฒิภาวะมากขึ้น ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลมาจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น ไม่มีใครกลั่นแกล้ง และขอร้องหยุดทำร้ายประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หรือหวังเอาชนะเพียงระยะสั้นแต่จะส่งผลกระทบต่อความสงบสุขและภาพรวมของประเทศในระยะยาว”
matemnews.com
23 กุมภาพันธ์ 2563