Home ข่าวทั่วไปรอบวัน ตายละ…อนุทินไม่รู้จักผีน้อยไม่ได้เตรียมการไว้

ตายละ…อนุทินไม่รู้จักผีน้อยไม่ได้เตรียมการไว้

417
0
SHARE

 

 

ผีน้อย  หรือคนไทยที่เข้าไปทำงานหลบกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้  ได้ลงทะเบียนกลับจำนวนเพื่อแตกหนีไวรัส COVID19 หลังรัฐบาลเกาหลีให้โอกาสนิรโทษกรรมไม่จับดำเนินคดี ปรากฏว่ากลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในไทยไปแล้ว ด้วยคำถาม รัฐบาลไทยจะกักตัวคนเหล่านี้รึไม่  คณะนักข่าวสายประจำทำเนียบรัฐบาลจึยกประเด็นนี้ถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯควบรมว.สาธารณสุข หลังประชุมครม.เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2563 ได้คำตอบว่า

 

“ขณะนี้กำลังหามาตรการ เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ยอมรับว่าส่วนตัวเพิ่งรู้จักคำว่าผีน้อย รู้สึกช็อกเหมือนกันว่าทำไมมีเรื่องแบบนี้ด้วย เพราะแผนการเราไม่ได้เตรียมไว้เจอสถานการณ์แรงงานไทยในเกาหลีใต้ที่ลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย  จะต้องดูแลทุกคนให้เต็มที่ โดยเย็นวันนี้จนถึงวันที่ 4 มีนาฯ ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กำลังหามาตรการรองรับผีน้อยเหล่านี้อย่างไร ต้องทำให้ได้ ต้องควบคุมให้ได้ จะใช้ระบบบังคับกักตัว หรือให้ไปกักตัวภายใต้การควบคุมดูแลที่ใกล้ชิด ถือเป็นโจทย์ใหม่ที่ไม่ใช่ง่ายๆ แต่ต้องทำ  มาตรการจะต้องเข้มข้นกว่าใช้กับคนกลับมาจากญี่ปุ่น อย่างที่อู่ฮั่น เรานำเครื่องบินไปรับ ทุกอย่างอยู่ภายใต้ระบบปิด แต่ครั้งนี้ระบบเปิดที่มากี่คนไม่รู้ ขอเวลานิดนึง แต่ต้องทำให้ได้ ไม่มีอะไรทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน อย่างไรต้องใช้วิธีการที่เข้มข้นที่สุด”

 

นักข่าวถามย้ำยังไม่มีมาตรการกักตัวผีน้อยใช่หรือไม่  อนุทินตอบว่า

 

“มาตรการตอนนี้คือ ใช้วิธีคัดกรอง โดยขณะนี้เกาหลีใต้เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง ทุกไฟต์ที่เดินทางเข้ามาเหมือนกับที่เราทำกับจีนในช่วงต้นของการแพร่ระบาด ซึ่งทำได้อย่างดี ตรวจเข้มผู้โดยสารทุกคนที่มากับไฟต์บิน ผมเพิ่งลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2548 ให้ 9 ประเทศ เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง  ทุกคนที่มาจากประเทศเหล่านี้จะถูกกักตัว 14 วันที่บ้านของแต่ละคนทั้งหมด  ยกเว้นผู้ที่มีอาการป่วยจะต้องถูกคัดแยกตัวมารับการรักษา”

 

ถามย้ำอีกว่า ให้ไปกักตัวที่บ้านแต่ละคนหรือกักในที่รัฐจัดให้  ตอบว่า

 

“มีการกักตัวแน่นอน ไม่ว่าผีน้อยหรือผีใหญ่   ความเข้มข้นของมาตรการในตอนนี้คือ เข้มข้นขั้นสูงสุด เราไม่รู้ว่าคนในโลกนี้ที่เดินทางมาประเทศไทยมีเชื้อไวรัสโควิด – 19 หรือไม่ แต่ตอนนี้ยาพร้อม อุปกรณ์เวชภัณฑ์พร้อม แพทย์พร้อม ห้องพยาบาลพร้อม การคัดกรองเป็นไปอย่างเข้มข้น ตรงไหนที่ต้องรุกเราจะรุก ตรงไหนต้องรับเราจะรับ อย่างโจทย์ผีน้อยเขาไม่ได้มาทีเดียว 5,000 คน โดยจะต้องมีการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในเกาหลีใต้ ประสานไปยังสายการบินต่างๆ ที่เข้ามาในไทยว่า ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ หากไม่ช่วยคัดกรองกัน เอาคนที่มีเชื้อและปัญหาเข้ามาในราชอาณาจักรจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ต้องส่งกลับ ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการกักตัวจะต้องเป็นของเจ้าตัวเอง มีมาตรการและบทบัญญัติในกฎหมายอยู่  ถ้าผีน้อยไม่ใช่คนไทยปานนี้ประกาศไม่ให้มาแล้ว เพราะเป็นคนไทยเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะกลับบ้านเกิดเมืองนอนเขา นี่จึงเป็นโจทย์ที่จะต้องทำการบ้านกัน”

 

นักข่าวถาม  ถ้าผีน้อยจ่ายเองจะทำให้เขาไม่พูดความจริงหรือไม่ นายอนุทิน ตอบ

 

“ เขาโกหกไม่ได้ พอเราประกาศไปแล้วเขาจะต้องถูกกักตัว หลุดไปไม่ได้เด็ดขาด คนไม่ใช่ผีน้อยโดนด้วย ดังนั้นอย่ามา”

 

ถามต่อ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้เขาอยู่ในจุดเดียวก่อน แล้วค่อยรับมาทีเดียว อนุทินตอบว่า

 

“ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ขอเวลาไปวางแผนก่อน เพราะนี่เป็นโจทย์ใหม่  ในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 09.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมเพื่อหาเรื่องผีน้อย เพราะจำนวนมันเยอะ เป็นการบ้านที่ยาก”

 

“ขณะนี้จะยังไม่มีการประกาศระยะที่ 3 เพราะคำจำกัดความของระยะที่ 3 คือ ต้องมีการแพร่ระบาดในประเทศในวงกว้าง แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงตรงนั้น คนไข้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่เราให้การรักษา   ยังอยู่ในโรงพยาบาลตอนนี้เหลือแค่ 10 คน ที่เหลือกลับบ้านได้หมดแล้ว ตอนนี้จากตัวเลขที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังอยู่ในสภาวการณ์ที่ควบคุมได้อยู่

 

“สำหรับศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดต่อไวรัสโควิด – 19 ที่รัฐบาลตั้งขึ้นในทำเนียบรัฐบาล จะแยกต่างหากจากศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุขจะมาเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ของรัฐบาล ในส่วนของศูนย์ของกระทรวงฯ จะยังคงดูแลในเรื่องทางการแพทย์ การรักษาพยาบาล การบริการและยังมีการแถลงทุกวัน”

 

นักข่าวถามประเด็น ส.ส.เอาหน้ากากไปแจกชาวบ้านแต่เป็นหน้าหากไม่ได้มาตรฐาน  นายอนุทินตอบว่า

 

“เดี๋ยวทางกระทรวงสาธารณสุขต้องไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยว่าประโยชน์สูงสุดของการใช้หน้ากากอนามัยคือคนกลุ่มไหน เพราะหากไม่ใช่คนที่ไปประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือไม่ได้สัมผัสกับคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ เพื่อจะได้ไม่เกิดความกลัวหรือความตื่นตระหนกกัน เพราะปกติคนที่ใช้หน้ากากอนามัยคือ กลุ่มแพทย์หรือคนที่ต้องสัมผัสกับผู้ป่วย  หน้าหากที่กระทรวงได้รีบมาน่าจะเพียงพอในการแจก เพราะกระทรวงฯเองมีเก็บไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้ภายในกระทรวง แต่ไม่มีพอที่จะไปแจกตามอีเวนต์ต่างๆ”

 

matemnews.com 

3 มีนาคม 2563