คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีการประชุมเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2560 เสร็จแล้ว พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. แถลงแก่ผู้สื่อข่าวว่า
เรื่องแรกคดีทุจริตจำนำข้าว ตามที่คณะกรรมการธุรกรรม ได้เคยมีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ รายคดี นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” กับพวก ไปแล้วจำนวน 9 ครั้ง รวมมูลค่า ทรัพย์สินประมาณ 13,000,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาท) นั้น ปรากฏว่า ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (คดีหมายเลขดำที่ อม.25/2558) ได้มีคำพิพากษาว่า น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร บุตรสาวของ นายอภิชาติ หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” ได้ร่วมกระทำผิดในคดีทุจริตจำนำข้าวดังกล่าวด้วย สำนักงาน ปปง. จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม และตรวจพบว่า น.ส.ธันยพร ได้ปกปิดอำพรางทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด โดยให้บุคคลอื่นเข้ามาถือหุ้นในบริษัท ทีซี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด แทนตน คณะกรรมการธุรกรรมในการประชุมวันนี้ จึงได้มีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติมอีก จำนวน 25 รายการ มีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 2,300,000,000 บาท (สองพันสามร้อยล้านบาท) จึงเป็นผลให้การอายัดทรัพย์สินในคดีนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น รวมประมาณ 15,300,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันสามร้อยล้านบาท)
เรื่องที่ 2 คดีทุจริตเงินทอนวัด จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กับพวก ซึ่งเป็นข้าราชการในสำนักงานฯ และบุคคลใกล้ชิด ได้แก่
นางประนอม คงพิกุล,
นายสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์,
นางณัฐฐาวดี ตันตราวิสารสิทธิ,
นางชมพูนุท จันฤาไชย,
พระสุทธิพงศ์ สุทธิวังโส แสงสุข,
นายฐานพัฒน์ ม่วงทอง,
นายศิวโรจน์ ปิยรัตน์เสรี หรือ พระเบิ้ม
น.ส.อุบล ดิษฐ์ด้วง ได้ร่วมกันกระทำการทุจริตเงินงบประมาณอุดหนุดการบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 – 2559 โดยมีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดวางแผนเป็นขั้นตอนและแบ่งหน้าที่กันทำ ในการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดต่างๆ เป็นเครื่องมือในการเทงบประมาณลงไป โดยเมื่อวัดได้รับเงินดังกล่าวก็จะโอนเงินสดมามอบให้นายนพรัตน์ หรือบุคคลใกล้ชิดซึ่ งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 3(5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 คณะกรรมการธุรกรรม จึงได้มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน ของ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ กับพวก ประกอบด้วย ทรัพย์สินจำนวน รวมทั้งสิ้น 33 รายการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 71,939,017.91 บาท (เจ็ดสิบเอ็ดล้านเก้าแสนสามหมื่นเก้าพันสิบเจ็ดบาทเก้าสิบเอ็ดสตางค์)”
Matemnews.com 10 ตุลาคม 2560