พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2560 กรณีที่ประชุม สนช. 14 ก.ค.2560 เห็นชอบในวาระ 2 ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังได้ และให้คดีที่อยู่ในศาลก่อนที่กฎหมายนี้มีผลบังคับเดินหน้าต่อไปได้ว่า
“ผมขอถามผู้ที่คิดและทำกฎหมายฉบับนี้ มีนานาอารยประเทศใดบ้างที่เขียนกฎหมายให้พิจารณาคดีลับหลัง และไม่เปิดโอกาสให้จำเลยได้ต่อสู้คดี ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญาที่ทำกับนักการเมืองหรือประชาชนทั่วไปก็ไม่มี เพราะขัดต่อหลักนิติธรรมทั่วไป ผมอยู่ในกระบวนการยุติธรรมมา 30- 40 ปีไม่เคยเห็นการเขียนกฎหมายที่ปิดโอกาสการต่อสู้คดีของจำเลย ผมต้องออกมาพูดเพราะเห็นว่าขัดกับหลักนิติธรรม และยังไม่เห็นช่องว่าจะมีทางออกอย่างไร ขอเตือนไปถึงผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ท่านก็มีสถานะเป็นนักการเมืองเช่นเดียวกัน ให้ระวังว่าดาบนี้จะคืนสนอง”
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “การออกกฎหมายฉบับนี้ขัดกับหลักกฎหมายทั่วไปขัดหลักความยุติธรรมหลายเรื่อง ทั้งหลักการคุ้มครองผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาที่ต้องมีสิทธิ์สู้คดีด้วยตัวเอง และมองว่าเป็นการออกกฎหมายที่เลือกปฏิบัติเฉพาะกับนักการเมือง ไม่รวมคนในอาชีพอื่น หรือคดีประเภทอื่น เช่น การค้ายาเสพติด การออกกกฎหมายในลักษณะนี้ในทางสากลถือว่าทำไม่ได้ การออกกฎหมายเพื่อจัดการบุคคล หรือกลุ่มบุคคลใด เพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่คำนึงว่าจะทำลายระบบยุติธรรมของประเทศอย่างไร แบบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ต่อเนื่องมาจากปี 2548 ที่มีการออกกฎหมายย้อนหลังยุบพรรคไทยรักไทย และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของนักการเมืองจำนวนมาก จากนั้นตั้ง คตส.ตรวจสอบ และนำผลมาใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินคดีกับนักการเมือง ซึ่งเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม กระบวนการอย่างนี้ที่ทำต่อเนื่องมาได้ทำลายระบบยุติธรรมของประเทศ ให้เสียหายมากขึ้นทุกที ที่มีการมองว่าเป้าหมาย คือ ต้องการติดตามคดของตระกูลชินวัตร และดำเนินการกับพรรคเพื่อไทย ผมคิดว่าใครที่รู้เรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองคงเข้าใจได้ไม่ยาก”
Matemnews.com 16 กรกฎาคม 2560