เฟชบุ้ค Wassana Nanuam รายงาน
แพทย์ทหาร ยัน เก็บ สมอง หัวใจกระเพาะอาหาร ฟิกฟอร์มมาลีน ไว้ตรวจ พบ พยาธิสภาพในหัวใจผิดปกติ พบเกิดอาการหลังการเดินคุยโทรศัพท์/
กองทัพไทย ออกคำแถลง แจงเหตุการณ์นักเรียนเตรียมทหาร เสียชีวิต เผยไม่สบาย ก่อนแล้ว แต่ได้ใช้โทรศัพท์สาธารณะที่กองแพทย์ และมีอาการเครียดและหมดสติ นำตัวส่งรพ.จปร. ยันช่วยเต็มที่แล้ว
จากกรณีนายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ ร้องต่อสื่อมวลชนว่า “นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์” หรือน้องเมย ลูกชายซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเพียง 1 วัน และไม่ได้รับคำชี้แจงที่ละเอียดจากผู้เกี่ยวข้อง ได้รับเพียงใบมรณเบัตรชี้แจงสาเหตุการตายจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จากนั้นได้นำพร้อมนำศพนายภคพงศ์ไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตพบว่า อวัยวะภายใน และสมองหายไปนั้น กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการแถลงข่าวขึ้น
พล.ต.กนกพงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร กล่าวว่า รู้สึกเสียใจตั้งแต่ได้ทราบข่าวการเสียชีวิต ซึ่งนักเรียนก็เหมือนลูกของผมคนหนึ่ง โดยวันที่ 17 ต.ค. หลังจากล้มลงในเวลา 16.00 น. หลังเกิดเหตุมีการส่งตัวไปที่โรงพยาบาล น้องล้มลง หัวใจเต้นอ่อน มีการช่วยชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจ
โดยกรณีมีการหารือว่า เป็นการตายอย่างผิดธรรมชาติ จึงต้องมีการชันสูตร และได้คุยกับพ่อแม่โดยตลอด
หลังจากนำร่างไปบำเพ็ญทางศาสนา ทางโรงเรียนเตรียมทหารได้เข้าไปดูแลการจัดงานอภิธรรมศพโดยตลอด
หลังจากนั้นขั้นตอนคือ มีการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิต ทำตามกระบวนการ
ตั้งกรรมการสอบสวนว่ามีใครเกี่ยวข้องในเหตุการณ์วันที่ 17 ต.ค.บ้าง
แต่ทางครอบครัวน่าจะยังไม่มีเวลาในการรับฟังข้อมูล
โดยการสอบสวนมีการรายงานผลสอบสวนตามขั้นตอนมาตลอด
จนเพิ่งทราบว่า ศพน้องยังไม่ได้ฌาปนกิจ ซึ่งได้สอบถามคุณพ่อแล้วว่า ทางครอบครัวต้องการอะไรหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เสียใจทั้งโรงเรียน
ในวันก่อนเกิดเหตุวันที่ 17 ต.ค. น้องเป็นลม และมีการพามาส่งห้องพยาบาล ส่วนวันจันทร์ ก็มีการทำกิจกรรมตามปกติ มีการวิ่งก่อนรับประทานอาหาร พบว่าน้องมีการหายใจเร็วกว่าปกติ จึงถูกส่งไปที่กองแพทย์ โดยมีกล้องวงจรปิด ว่าอยู่ที่กองแพทย์ในช่วงเช้า เที่ยงมีการโทรศัพท์คุย และอยู่กับเพื่อนทั่วไป
ตอนบ่ายมีการเดินคุยโทรศัพท์ช่วง 15.00 น. เมื่อเวลา 16.00 น. ก็เกิดอาการขึ้น
โดยพบว่าน้องโทรศัพท์คุยกับครอบครัว และระหว่างที่ครอบครัวโทรกลับมาหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำโทรศัพท์ไปให้ที่ห้องพักในบริเวณกองแพทย์ น้องก็ทรุดตัวลง มีการเข้าช่วยเหลือ และนำส่งโรงพยาบาลทันที”
พันโทนรุฏฐ์ ทองสอน ทีมแพทย์ผู้ชันสูตรศพ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวถึงประเด็นเรื่องการชันสูตรศพ ว่า ได้รับร่างมาคืนวันที่ 18 ต.ค. และลงมือชันสูตรตอนเช้า ไม่พบบาดแผลตามร่างกายภายนอก จึงผ่าเปิดภายใน พบว่ากระดูกซี่โครง ซี่ที่ 4 ข้างขวาหัก มีรอยช้ำชายโครงข้างขวาและซ้าย พบความผิดปกติเพียงเท่านี้
โดยกระดูกและรอยช้ำดังกล่าว ไม่สามารถเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ รอยที่บริเวณชายโครง เกิดจากของแข็งไม่มีคมมากระแทก ซึ่งยังไม่สามารถตัดประเด็นเรื่องการเกิดรอยระหว่างซีพีอาร์ช่วยชีวิต หรือ ประเด็นของแข็งอื่นกระแทกได้ จึงต้องมีการผ่าเพื่อส่องทางกล้องจุลทรรศน์
โดยวิธีการจะต้องมีการเก็บอวัยวะไว้ครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ จะอยู่ที่สมอง และหัวใจ โดยสมองจะนิ่มมาก จึงต้องฟิกฟอร์มาลีน จึงได้เก็บสมอง และหัวใจ ทั้งหมดไว้เพื่อทำสไลด์ ส่วนผลทางพิษวิทยา มี 3 ทาง จะต้องเก็บผลทางเลือด กระเพราะ กระเพาะปัสสวะ ได้ผ่าเพื่อตรวจสารพิษ แต่ตอนตรวจพบว่า มีการหดเล็กมาก ไม่มีฉี่ในกระเพาะปัสสาวะ ได้เก็บคืนไป อาจจะสังเกตไม่เห็น
ส่วนกระเพาะไม่พบเศษอาหาร
สรุปในส่วนของอวัยวะที่ได้เก็บไว้ทั้งหมด คือ สมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร และสุ่มตัวอย่างอวัยวะไว้ทำสไลด์ เพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติงาน จึงได้ออกรายงานให้เจ้าพนักงาน เมื่อตรวจ รายงานมีแนวโน้มไปทางหัวใจ จึงลงรายงานว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ทั้งนี้ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เกิดได้หลายสาเหตุ แต่มีการเก็บตัวอย่างพบว่า กายภาพของหัวใจปกติ จึงต้องตรวจระดับลึก จากการส่องกล้องจุลทรรศน์ พบเซลล์บางตัว ที่ไม่ควรพบในเด็กๆ อายุ 19 ปี แต่อาจพบได้เมื่อหัวใจมีพยาธิสภาพผิดปกติ ส่วนเรื่องของการเต้นของหัวใจ สารไฟฟ้านำหัวใจทำให้หัวใจเต้นพริ้ว หัวใจเต้นผิดปกติ การผ่าชันสูตร ไม่สามารถตอบคำถามในส่วนดังกล่าวได้ ต้องใช้วิธีการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าระหว่างการมีชีวิต อย่างไรก็ตาม เด็กที่แข็งแรง เมื่อล้มลงจำเป็นต้องหาสาเหตุให้ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร” พันโทนรุฏฐ์ กล่าว
โดยการฟิกฟอร์มาลีน ต้องใช้เวลา 10-14 วัน ได้ประสานครอบครัวว่า เก็บไว้และพร้อมคืนแต่ต้องใช้ระยะเวลา
โดยให้ประสานผ่านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เลย แต่เพิ่งได้รับการประสานเมื่อเที่ยงที่ผ่านมา
กองทัพไทย ออกคำแถลง แจงเหตุการณ์นักเรียนเตรียมทหาร เสียชีวิต เผยไม่สบาย ก่อนแล้ว แต่ได้ใช้โทรศัพท์สาธารณะที่กองแพทย์ และมีอาการเครียดและหมดสติ นำตัวส่งรพ.จปร. ยันช่วยเต็มที่แล้ว
จากกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ ๑ ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลมเฉียบพลัน และภายหลังครอบครัวของ นตท. ภคพงศ์ฯ ได้เข้าร้องต่อสื่อมวลชนว่า อวัยวะภายในบางส่วนของลูกชายหายไป
กองบัญชาการกองทัพไทย รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียทรัพยากรอันมีค่ายิ่งของกองทัพ ซึ่งถือเป็นอนาคตของกองทัพ และขอเรียนชี้แจงดังนี้
นตท. ภคพงศ์ฯ ตั้งแต่ได้บรรจุเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร เข้าเรียนหนังสือ รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมทางการทหารตามปกติมาโดยตลอด มีสภาพร่างกายกายแข็งแรง มีเพียงการเจ็บป่วยธรรมดาทั่วไป
ซึ่งได้เข้ารับการรักษาที่กองแพทย์ โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นครั้งคราว
จนเมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ เวลาประมาณ ๐๗.๐๐ นาฬิกา ได้มีการทำกิจกรรม ทางการทหารตามปกติเป็นส่วนรวม นตท. ภคพงศ์ฯ มีอาการเป็นลม และถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่กองแพทย์ฯ จนร่างกายเป็นปกติ
จนถึงช่วงเช้าของวันอังคารที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ นตท. ภคพงศ์ฯ และเพื่อน ได้กลับไปเอาของใช้ส่วนตัวที่กองพันนักเรียนของตนเอง และกลับไปยังกองแพทย์ฯ อีกครั้ง
ระหว่างทางมีอาการเป็นลม เจ้าหน้าที่กองแพทย์ฯ ได้ไปรับตัวมารักษาอาการที่กองแพทย์ฯ ต่ออีก จนอาการดีขึ้นและสามารถเดินเองได้
ต่อมาในช่วงบ่าย นตท. ภคพงศ์ฯ ได้ใช้โทรศัพท์สาธารณะที่กองแพทย์
หลังจากนั้นมีอาการเครียดและหมดสติ
แพทย์ได้เข้าดูอาการ เห็นว่าไม่ดีขึ้นจึงนำส่งต่อโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก
ในเวลาประมาณ ๑๖.๑๒ นาฬิกา ซึ่งแพทย์พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ และได้แจ้งให้ผู้ปกครองของ นตท. ภคพงศ์ฯ ทราบโดยทันทีและต่อเนื่อง จนได้เสียชีวิตเมื่อเวลา ๒๐.๒๔ นาฬิกา
ต่อมาได้นำร่าง นตท. ภคพงศ์ฯ ส่งตรวจที่สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก ตามขั้นตอนมาตรฐานทางการแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุการตายตามกรรมวิธีในการตรวจทางการแพทย์ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ ๑ – ๒ สัปดาห์
ผลการตรวจพบว่า นตท. ภคพงศ์ฯ ได้เสียชีวิตอันเนื่องมาจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และทางโรงเรียนเตรียมทหารได้ประสานกับผู้ปกครอง และให้ความช่วยเหลือ ดูแลการจัดการพิธีศพอย่างเต็ม
ขีดความสามารถทุกขั้นตอน
กองบัญชาการกองทัพไทย ขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของทางโรงเรียนและการรักษา พยาบาลนักเรียน และขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และขอยืนยันว่ายังคงให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกครอบครัวอย่างต่อเนื่องต่อไป
Matemnews.com 21 พฤศจิกายน 2560