Home ข่าวทั่วไปรอบวัน ตำรวจเกณฑ์ –  ทำงานหน้ากล้อง

ตำรวจเกณฑ์ –  ทำงานหน้ากล้อง

913
0
SHARE

 

 

เฟชบุ้ค Wassana Nanuam  รายงาน

ใกล้เป็นจริง “ตำรวจเกณฑ์”!

ตำรวจ ต้องทำงาน “หน้ากล้อง”

กห.ลด774อัตรา และลดงบฯ ปีละ47ล้าน

“บิ๊กป้อม” ถกปฏิรูปงานความมั่นคง สั่งปรับ ระบบการข่าวกรอง ใหม่ ทั้งลึก-ลับ รวดเร็ว แม่นยำ ถูกต้อง /ปฏิรูปตำรวจให้ทำงาน “หน้ากล้อง” ต้องมีกล้องติดรถ-กล้องประจำตัว ให้ 5 หมื่นตำรวจ/ เล็งมี “ตำรวจกองประจำการ” ตำรวจเกณฑ์เหมือนทหาร มาทำงานแทนตำรวจ ขาด7หมื่นอัตรา/ ปฏิรูปกลาโหม ทำแผนแม่บทปฏิรูปฐานระบบปี2660-2569/เผยลด อัตรากำลังพล ภาพรวมได้ 774อัตรา และลดงบประมาณ ปีละ 47 ล้านบาท

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุม อนุกรรมการปฏิรูประบบความมั่นคง

พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงเรื่องปฏิรูประบบข่าวกรอง ปฏิรูประบบฐานข้อมูลความมั่นคง การปฏิรูปกระทรวงกลาโหม และการปฏิรูปตำรวจ

ซึ่งการปฏิรูปงานข่าวถือเป็นหัวใจสำคัญของงานความมั่นคง โดยมีสำนักงานข่าวกรองเป็นเจ้าภาพ รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว

โดยพล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้จำแนกความสำคัญเรื่องเร่งด่วน ของความมั่นคงมา 3 ระดับ ได้แก่ 1.ระดับภัยคุกคาม 2.ความเสี่ยง 3.เรื่องความท้าทายความมั่นคง

ซึ่งปัจจุบันเราได้จำแนกทั้ง 3 เรื่องมาแล้วทำให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ยังมีการปรับปรุงด้านงานข่าวกรองให้มีความเข้มแข็งขึ้น มีความชัดเจนและน่าเชื่อถือทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น

โดยการปฏิรูปงานข่าวกรอง เราได้มีการพัฒนา โดยจัดหาเครื่องมือ พัฒนาทักษะ มีการเชื่อมต่อฐานข้อมูลด้านการข่าว ในการสืบสวนขยายผล ด้านการต่างประเทศ ได้มีการเชื่อมข้อมูลกับกระทรวงการต่างประเทศในสถานทูตประเทศต่างๆมากขึ้น

ส่วนเรื่องการบูรณาการข่าวเชิงลึกระดับพื้นที่ โดยมีการจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานหน่วยข่าวกรองใน 5 ภูมิภาค” และมีการทำงานขยายผลร่วมกัน

“ต่อไปนี้ งานการข่าวจะมีความรวดเร็ว แม่นยำ น่าเชื่อถือมากขึ้น นำไปสู่การสกัดกั้นการเคลื่อนไหว หรือระงับภัยที่อาจเกิดแก่ประชาชน”

 

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า สำหรับการปฏิรูปความมั่นคง ซึ่งมีสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นเจ้าภาพ ปัจจุบันได้มีการจัดทำฐานข้อมูลในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการบูรณาการฐานข้อมูลกลาง

โดย กอ.รมน.ภาค 4 นำไปสู่เรื่องการจัดทำระบบแจ้งเตือนข่าวสาร และบริหารระบบข้อมูล คาดว่าในเดือนก.ย. 2561 จะแล้วเสร็จ

นอกจากนี้ยังเปิดช่องทางให้ประชาชนได้แจ้ง แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารให้กับหน่วยงานความมั่นคง ผ่านเว็บไซต์

ส่วนการเชื่อมฐานข้อมูลด้านความมั่นคงนั้นปัจจุบันมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสมช. โดยจะเชื่อมฐานข้อมูลของหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้ง 27 หน่วยงาน เพื่อใช้ในการพัฒนาฐานข้อมูลด้านความมั่นคงมากขึ้น จัดตั้งฐานข้อมูลเกี่ยวกับ “อัตลักษณ์ของบุคคลแห่งชาติ” เป็นเรื่องอัตลักษณ์ที่ จะต้องสแกนข้อมูลเข้ามาเพื่อใช้ควบคู่กับงานด้านนิติวิทยาศาสตร์

ส่วนงานด้านปฏิรูปกระทรวงกลาโหม เป็นการจัดทำแผนแม่บท ปฏิรูปฐานระบบของกระทรวงปี2660-2569 และแผนพัฒนาขีดความสามารถของกระทรวงกลาโหม2560-2569

กระทรวงกก.นั้นได้ปรับปรุง พัฒนากำลังรบ และปฏิรูปกระทรวงกลาโหมที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศปี2560-2579

เรื่องการจัดทำแผนแม่บทปฏิรูป ฐานระบบของกระทรวงปี2660-2569เป้าหมายเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเรื่องของความพร้อมด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ รวมทั้งหลักนิยมและการศึกษา เรื่องการพัฒนาแผนขีดความสามารถการปฏิบัติภารกิจ และการสนับสนุนการแก้ปัญหารัฐบาลในมิติต่างๆ

โดยมีกรอบแรกเป็นระยะ 5 ปี การพัฒนาและส่งเสริมการพร้อมรบ และในระยะที่สองจะมุ่งไปสู่การคล่องตัวความทันสมัย และการปฏิบัติภารกิจได้ทุกมิติ

การดำเนินการหลักๆของการจัดทำแผนแม่บทนั้นมี 3 ส่วน คือ การปฏิรูปการบริหารจัดการ กระทรวงกลาโหมโดยดำเนินการทั้ง 17 ระบบงาน ซึ่งขณะนี้กำลังแก้ไขปรับปรุงคำสั่งข้อบังคับและออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างอยู่ระหว่างการ “ปรับเล็ก”ให้สอดคล้องกับการทำงานปัจจุบัน

ที่ในอนาคต 5 ปีจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่

เรื่องการประเมินผลการดำเนินการตามเป้าหมายที่หวังกำลังดำเนินการในเรื่องหลักๆการลดอัตรากำลังพล ซึ่งปัจจุบันเราลดอัตรากำลังพล ภาพรวมได้ 774อัตรา และลดงบประมาณที่ใช้จ่ายได้ 47 ล้านบาท ต่อปี

โดยเราได้นำกำลังพลสำรองมาบรรจุแทนกำลังพลที่ขาด ใช้ข้าราชการพลเรือนกระทรวงกลาโหมมามาปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งนำอาสาสมัครมาปฏิบัติงานหลักมากขึ้น

และเรื่องแผนพัฒนาขีดความสามารถของกระทรวงกลาโหม2560-2569 ใช้เป็นพื้นฐานในการเสริมความพร้อมรบในทางอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ทั้งระยะยาวและระยะสั้น โดยใช้เป็นฐานของการเสนอความต้องการงบประมาณและจัดความเร่งด่วนของงาน

 

พลโท คงชีพ กล่าวว่า การปฏิรูปตำรวจ เราได้จัดทำเป็น 2 ส่วน คือ การปฏิรูประบบงานตำรวจ 6 ด้านตามมติของคณะรัฐมนตรี และการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ

โดยกรอบการพัฒนาบุคลากรตำรวจ ให้ความสำคัญกับการสอบนักเรียนนายสิบให้มาบรรจุมากขึ้น และงานโครงสร้างในสายงานที่จะให้เติบโตทั้งงานด้านปราบปราม สอบสวน สืบสวน และอำนวยการ เรากำลังปรับพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติให้มีความเชื่อมโยงกับกระบวนการยุติธรรม

ทั้งกำหนดให้มี”ตำรวจกองประจำการ” โดยการเลือกบุคลากรเข้ามาทำหน้าที่ตามกฎหมายโดยใช้กฎหมายว่าด้วยการทหาร การผลิตข้าราชการตำรวจตามหลักการบรรจุ และปรับกิจการของตำรวจให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น

ทั้งนี้เพื่อให้ตำรวจกองประจำการหรือที่เรียกกันว่า”ตำรวจเกณฑ์” มาทำหน้าที่แทน เพราะตอนนี้ ขาดอัตรา อยู่ 70,000 อัตรา

ส่วนเรื่องงานสอบสวน พิสูจน์หลักนั้นเราได้เพิ่มการทำงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ มีการเพิ่มกำลังพล เครื่องมือ ทั้งนี้จะเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน

“ต่อไปนี้ตำรวจจะต้องทำงานหน้ากล้อง คือ กล้องติดรถ และกล้องประจำตัวตำรวจเอง จะมีกล้องติดประจำตัวเพื่อความโปร่งใส โดยในอีกไม่นาน ตำรวจที่เป็นหน่วยปฏิบัติ ราว5 หมื่นคน จะมีกล้องประจำตัว”

อีกทั้งงานเทคโนโลยีดิจิตอลเพื่อพิสูจน์บุคคลจะได้มีการปรุงระบบคอมพิวเตอร์

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาตำรวจตามแนวของพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจนั้นยืนยันตำรวจยังขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี

 

 

 

Matemnews.com  4 มกราคม 2561