นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ผ็สื่อข่าวเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2561 ถึงข้อเสนอให้มีการแก้ไขประกาศ ป.ป.ช. เพื่อเพิ่มมูลค่าให้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่รัฐ จากเดิม 3,000 บาท ว่า
“เห็นด้วย ในอดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช.เคยมีการหารือ เพื่อให้แก้ไขประกาศดังกล่าว เพื่อให้สอดรับกับสภาพความเป็นจริงของค่าครองชีพในปัจจุบันนั้นๆ เพราะประกาศของ ป.ป.ช. ใช้มาตั้งแต่ปี 2542 แล้ว จึงอาจล้าสมัยไปบ้าง และมีหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ได้เสนอให้แก้ไข จึงมีเหตุผลหาก ป.ป.ช.จะปรับตัวให้เข้ากับความจริงของสังคม ในกรณีการให้รับทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท ในปัจจุบันที่ยังคงใช้ประกาศฉบับเดิมอยู่ ผู้รับสามารถโอนสิ่งของนั้นให้เป็นของหน่วยงานได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมาย ของบางอย่างตอนนี้มีราคาสูง บางทีผู้รับอาจไม่รู้ราคาที่แท้จริง จึงเป็นปัญหา จึงเห็นว่าประกาศเก่ามีมานานแล้ว สมควรจะต้องปรับแก้ และถ้าปรับตอนนี้ก็มีเหตุผล อย่างเวลาไปประชุมต่างประเทศ ที่ต้องมีการมอบ หรือแลกเปลี่ยนของที่ระลึก บางชิ้นมีราคาสูง จะเลี่ยงไม่รับก็ไม่ได้ จึงต้องแจ้งให้หน่วยงานทราบและโอนของชิ้นนั้นให้กับหน่วยงาน เป็นการแก้ปัญหาเรื่องการทำผิดกฎหมายรับมูลค่าไม่เกิน 3,000 บาท ซึ่งในสภาพปัจจุบันถือว่าไม่มากหากเทียบกับค่าเงินในอดีต”
นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. คนปัจจุบัน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า
“ยังไม่เคยมีการหารือกันในที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช. ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังร่าง พ.ร.ป.ป.ป.ช. ที่จะต้องประกาศใช้ตามรัฐธรรมนูญใหม่ จึงไม่ทราบว่าเกณฑ์จำนวนมูลค่าในการรับทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น จะถูกบรรจุอยู่ในมาตราใด ข้อเสนอของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงความเห็นหนึ่ง ที่ต้องขอบคุณ แต่หลักการทำงานของ ป.ป.ช.เมื่อจะมีการยกร่างกฎระเบียบ หรือประกาศใด จะต้องรับฟังความเห็นของหลายๆฝ่าย เพื่อให้เกิดความรอบคอบ รอบด้าน อีกทั้งเรื่องเกณฑ์การรับของมีค่าของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังนั้นการรับฟังความเห็นน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด คงไม่ถึงขั้นต้องเปิดเวทีรับฟัง เพียงแต่ฟังเสียงสะท้อนแนวคิดนี้จากสังคม เพราะเรื่องนี้บางคนก็บอกว่าตัวเลข 3,000 บาท มีมานานแล้วตั้งแต่ปี 2542 ควรปรับปรุง แต่บางคนเห็นว่าการให้ประมาณนี้เป็นเกณฑ์ที่เหมาะสมดีอยู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวมองว่าเกณฑ์ที่มีอยู่เดิมก็ยังมีความเหมาะสมอยู่ สำนักกฎหมายของสำนักงานป.ป.ช.ที่รับผิดชอบในการร่างกฎหมายป.ป.ช.ฉบับใหม่จะพิจารณาอนุบัญญัติต่างๆให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และในการพิจารณากฎหมายจะดูความสำคัญก่อนหลัง เรื่องเกณฑ์การรับของมีค่า น่าจะจัดอยู่ในความสำคัญลำดับท้าย เนื่องจากสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญลำดับแรก คือ เรื่องของระบบการทำงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมีการกำหนดเงื่อนไขเวลาที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว ป.ป.ช.จึงต้องมีการปรับระเบียบวิธีการและระยะเวลาในการทำงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ”
Matemnews.com 7 มกราคม 2561
