Home ข่าวทั่วไปรอบวัน จับ “นายเปรมชัย กรรณสูต” ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย   ตั้งแคมป์ล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

จับ “นายเปรมชัย กรรณสูต” ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย   ตั้งแคมป์ล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

971
0
SHARE

 

 

คลิกอ่านเพชบุ้ค

https://goo.gl/MkbYFZ

 

 

เฟชบุ้คชื่อบัญชี  “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช”   ได้โพสต์เผยแพร่รูปถ่าย 6 รูป เมื่อตอนสายวันที่ 6 ก.พ.2561 โดยเขียนข้อความว่า

“กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ก่อสร้าง ขนาดใหญ่ ลักลอบเข้าตั้งแคมป์และล่าสัตว์ป่าในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ก่อนเจ้าหน้าที่ฯเข้ายึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองหลายรายการ”

 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก รายงานว่า คณะของนายเปรมชัย กรรณสูต ลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในจุดบริเวณห้วยปะชิ อยู่ระหว่างหน่วยฯ ทิคอง กับหน่วยฯ มหาราช ซึ่งเป็นจุดที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปพิสูจน์ทราบ ตรวจพบ

  1. อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก
  2. อาวุธปืนไรเฟิลติดลำกล้องจำนวน 1 กระบอก
  3. อาวุธปืนลูกซองแฝด จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนพร้อมใช้งานและพบซากไก่ฟ้าหลังเทากับเนื้อเก้ง จึงได้ควบคุมตัวนายเปรมชัย กรรณสูตรและคณะมาที่สำนักงานเขตฯ ถึงในเวลา 02.40 น.

 

กระทั่งเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพื้นเพิ่มเติมพบ ซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อและหนังแล้วกับเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมากที่ถูกซุกซ่อนไว้บริเวณที่แค้มป์พัก กำลังส่งดำเนินคดี สภ.ทองผาภูมิ ต่อไป

 

ทั้งนี้  คณะนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน เข้าไปท่องเที่ยวในเส้นทางสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก -หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง -หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช โปรแกรม 2 วัน 1 คืน (เส้นทางที่เปิดให้ท่องเที่ยวชื่อ ทินวย-ทิคอง-มหาราช ระยะทาง 30 km)เมื่อวันที่3 ก.พ.ที่ผ่านมา

 

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ต้องหามีความผิด ดังนี้

  1. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
  2. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
  3. ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
  4. ฐานนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
  5. ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507

และ 6. สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป

 

#สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า #ล่าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย #DNP1362 #DNPnetwork

 

 

 

https://youtu.be/2DligglWpQE

 

 

นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อตอนเช้าวันที่ 6 ก.พ.2561  ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ถึงกรณีนี้ ว่าเบื้องต้นนายเปรมชัยยังให้การปฏิเสธ    ก็ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ขณะนี้ต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปก่อน ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคน ส่วนข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมมาจากเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจพบซากเสือดำ อาวุธ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เห็นในตอนยิง ดังนั้นทุกอย่างต้องว่าไปตามกระบวนการ เท่าที่ได้รับรายงานนอกจากนายเปรมชัยแล้วยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน  แต่ยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง อยู่ในแวดวงธุรกิจระดับสูงเหมือนนายเปรมชัยด้วยหรือไม่ หรือมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการก่อน แต่เท่าที่ได้รับรายงานขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง    โดยกลุ่มของนายเปรมชัยขออนุญาตเข้าพื้นที่ในจุดหนึ่ง แต่กลับไปอีกจุดหนึ่ง หากเจ้าหน้าที่ไม่มีการลาดตระเวนคงไม่สามารถจับกุมได้   บทลงโทษหากพบว่าผิดจริง ต้องพิจารณาว่าผิดกระทงใดบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่เพราะนายเปรมชัยเป็นนักธุรกิจระดับบิ๊ก นายธัญญากล่าวว่า

 

“ผมไม่ได้กังวล เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่ เราทำดีที่สุด ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ต้องให้ขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่  เนื่องจากไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าใครถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ต้องอยู่ที่พยานหลักฐานว่าเป็นอย่างไร”

เมื่อถามว่า นักท่องเที่ยวหรือบุคคลทั่วไปนำพาอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนหรืออุทยานแห่งชาติได้หรือไม่ นายธัญญาตอบว่า

 

“เราไม่ให้เอาเข้าอยู่แล้ว แต่โดยปกติเจ้าหน้าที่ของเราไม่มีโอกาสจะไปตรวจค้นว่าใครจะเอานำอะไรเข้ามาในพื้นที่”

 

เช้าวันเดียวกัน พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าสวว่า

 

“ทราบข้อมูลเบื้องต้นจากอธิบดีกรมอุทยานฯ  ขอให้มีการสอบสวนดำเนินการสอบสวนตามพยานหลักฐานและดำเนินการตามกฎหมาย อย่าเพิ่งปรักปรำใคร  และอย่าใช้ความรู้สึกไปตัดสินว่าใครผิดใครถูก ต้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนว่าใครเป็นผู้กระทำที่แท้จริงขอให้สอบถามข้อมูลที่อธิบดีกรมอุทยานฯ ส่วนตัวเห็นว่าขอให้ดูพยานหลักฐานก่อนดีกว่า”

 

นักข่าวถามว่า ท่านรัฐมนตรีจะสั่งการอะไรเป็นพิเศษในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.สุรศักดิ์ตอบว่า

 

“รัฐมนตรีดูงานเรื่องนโยบายเป็นหลัก อย่าเพิ่งให้รัฐมนตรีไปสั่งทุกเรื่อง เพราะข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างเข้มแข็งอยู่แล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า กรณีของนายเปรมชชัยถือว่ามีความรุนแรงที่สุดหรือไม่ในช่วงระยะหลัง พล.อ.สุรศักดิ์ตอบว่า

 

“เคยเกิดกรณีมีคนไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว สำหรับกรณีล่าสุดนี้เป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจ”

 

นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า เมื่อบ่ายวันที่ 4 ก.พ. เจ้าหน้าที่พบนายเปรมชัยและพวกเข้ามาตั้งแคมป์ ตอนนั้นพบเพียงแค่อาวุธปืน เจ้าหน้าที่จึงเริ่มเอะใจจึงได้ค้นหา พบซากเครื่องในสัตว์ ห่างจากแคมป์ประมาณ 10 เมตร จึงตรวจค้นอย่างละเอียด พบอาวุธปืนและกองกระสุนเพิ่มเติมใกล้กับแคมป์ จึงได้เชิญตัวคณะนายเปรมชัยออกจากแคมป์กลับมาสอบปากคำ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่อีกทีมหนึ่ง พบหนังกับกะโหลกเสือที่ซ่อนไว้ รวมทั้งกระสุนปืนอยู่ไม่ไกลกัน ขณะนี้อยู่ในระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม เชื่อว่าคณะของนายเปรมชัยล่าเสือบริเวณใกล้เคียงกับลำห้วยที่พัก เนื่องจากเสือมักจะล่าเหยื่อใกล้ลำน้ำ

 

 

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร โดย นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแถลงการณ์หลังเจ้าหน้าที่ ได้จับกุม นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ และพวกพร้อมของกลาง สัตว์ป่าถูกชำแหละ และอาวุธปืน เครื่องกระสุนจำนวนมาก ในพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เมื่อวันที่ 4 ก.พ.61 ที่ผ่านมา

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

แถลงการณ์กรณีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561

  1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันด้านตกเป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 และได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเสมอมา สาธารณะชนรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะได้รับการปกป้องและอนุรักษ์ให้ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าให้คงไว้ ดังนั้นการที่ผู้ต้องหาเข้าไปในพื้นที่โดยอ้างว่าไม่ทราบจึงเป็นไปไม่ได้
  2. 30 ปีที่ผ่าน ประชาชนชาวไทย เจ้าหน้าที่ และองค์กรต่างๆ ให้ความร่วมมือช่วยกันอนุรักษ์เรื่อยมาจนสัตว์ป่าเพิ่มมากขึ้น แต่การที่คนที่มีสถานภาพทางสังคมเข้าไปล่าสัตว์ป่าในพื้นที่อนุรักษ์จึงแสดงให้เห็นถึงการไม่เคารพต่อกฎหมายและผลงานการอนุรักษ์ของสังคมไทย
  3. จากการติดตามข่าว นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อ้างรู้จักต่อข้าราชการในระดับบริหารขอเข้าไปยังพื้นที่โดยให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวพักผ่อน แต่กลับเข้าไปล่าสัตว์ป่าซึ่งเจ้าหน้าที่พบสัตว์ป่าคุ้มครอง ได้แก่ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ถูกชำแหละและถลกหนัง รวมถึงพบอาวุธปืน 3 กระบอก นับเป็นการกระทำที่ปราศจากความละอายใจและย่ามใจว่าเจ้าหน้าที่คงไม่กล้าดำเนินการตรวจสอบ
  4. ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกในความกล้าหาญสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้
  5. ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล อย่างได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลและสถานะทางธุรกิจอันใหญ่โตของผู้ต้องหา ขอให้สืบสวนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดีต่อไป

ศศิน เฉลิมลาภ
ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
6 กุมภาพันธ์ 2561
https://goo.gl/8RVxhQ

 

 

 

matemnews.com  6 กุมภาพันธ์ 2561