Home ข่าวทั่วไปรอบวัน พลเอกประวิตรชื่นชมผลงานการปราลปราม“เหลือบสังคม”

พลเอกประวิตรชื่นชมผลงานการปราลปราม“เหลือบสังคม”

700
0
SHARE

 

 

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อตอนเช้าวันที่ 19 ก.พ.2561 ว่า รัฐบาลโดยฝ่ายความมั่นคงได้ระดมสะสางปมปัญหาและขับเคลื่อนกวาดล้างภัยมืดที่ยังตกค้าง สร้างความหวาดระแวงแก่ประชาชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งภัยจากกลุ่มอิทธิพลที่มีอาวุธสงคราม ภัยจากอาชญกรรมข้ามชาติที่แฝงเข้ามาในรูปของนักท่องเที่ยว รวมทั้งภัยจากยาเสพติดที่กระจายตัวอยู่ในสังคม ซึ่งบั่นทอนเยาวชนและเป็นปัญหาลูกโซ่ของอาชญกรรมรูปแบบต่างๆ โดยภาพรวมตั้งแต่ต้น ก.พ. 61 เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง รวมทั้ง ป.ป.ช. และปปง. ได้เปิดปฏิบัติการร่วมกันต่อเป้าหมายยาเสพติดที่สำคัญ จับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญและเครือข่าย เช่น นายจิรัฎฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ (เอก อ้วน), นายวันเฉลิม กมลเลิศ (โน๊ต ดินแดง), นายธนา ภุมรินทร์ (โอ๋ ซีวิค) โดยสามารถยึดยาเสพติดได้จำนวนมากและอายัดทรัพย์สินได้มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ซึ่งกำลังขยายผลเชื่อมโยงเครือข่ายและปฏิบัติการต่อเป้าหมายสำคัญอื่นๆ ต่อเนื่องกันไป   ได้ให้ความสำคัญกับบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นกับกลุ่มอิทธิพลที่คอยกัดกร่อน ลิดรอนสังคม เสมือน “เหลือบสังคม” โดยฝ่ายความมั่นคงได้เปิดปฏิบัติการจับกุมผู้กระทำผิดแล้วกว่า 150 รายทั่วประเทศ และกำลังทยอยดำเนินการต่อกับเป้าหมายที่ยังคงค้าง รวมทั้งเป้าหมายที่ประชาชนยังคงแจ้งเพิ่มอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้ตรวจสอบและดำเนินการกับคนต่างชาติ ที่อาศัยอยู่เกินกำหนด รวมทั้งผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจำนวนมาก ซึ่งรวมตัวกันก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ทั้งในเมืองใหญ่ และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ตามที่ปรากฎเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีปฏิบัติการจับกุม นายเฉิน หยวนไข่ ชาวไต้หวัน และเครือข่ายในกัมพูชา ซึ่งมีทั้งคนไทย คนไต้หวัน และคนกัมพูชา กว่า 30 รายเกี่ยวข้อง สร้างความเสียหายไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวแสดงความชื่นชมและเป็นกำลังใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง ที่ร่วมกันปฏิบัติการกับภัยสังคมที่ยังตกค้างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์ ชาวไต้หวัน ในประเทศกัมพูชา ถือเป็นตัวอย่างความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ทั้งหน่วยงานภายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งกำชับให้ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ต้องสร้างความเชื่อมั่นและเป็นที่พึ่งของประชาชน โดยต้องทำตามอำนาจหน้าที่ และให้ความสำคัญในการคุ้มครองความปลอดภัย รวมทั้งดูแลโอกาสความเท่าเทียมของการดำเนินชีวิตและพัฒนาตนเองของประชาชนทุกคนอย่างเสมอภาค โดยถือเป็นสิทธิที่ทุกคนต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐให้ปลอดภัย ขณะเดียวกัน การทำหน้าที่ต้องจริงใจ เปิดกว้าง และโปร่งใส ลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน รับฟังข้อมูลจากประชาชนให้มากขึ้น เพื่อร่วมกันสะสางปมปัญหาภัยสังคมที่สะสมและซับซ้อน

 

matemnews.com  19 กุมภาพันธ์ 2561