Home ข่าวทั่วไปรอบวัน นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมสหกรณ์โคนมกำแพงแสน

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมสหกรณ์โคนมกำแพงแสน

825
0
SHARE

 

 

เว็บไซต์รัฐบาลไทยรายงาน

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมสหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด พร้อมเป็นประธานสักขีพยานมอบโรงเรือนถอดประกอบได้ เครื่องจักรกลการเกษตรและเครื่องสีข้าวให้แก่ผู้แทนเกษตรกร

นรม.เยี่ยมชมสหกรณ์โคนมกำแพงแสนฯตัวอย่างความสำเร็จแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ-เป็นประธานสักขีพยานมอบโรงเรือนถอดประกอบได้ เครื่องจักรกลการเกษตรและเครื่องสีข้าวให้ผู้แทนเกษตรกร ระบุรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน สร้างโอกาสเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม

 

วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2561) เวลา 15.30 น. ณ ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบทุ่งลูกนก สหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมสหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด และเป็นประธานสักขีพยานในโอกาสผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มอบโรงเรือนถอดประกอบได้เครื่องจักรกลการเกษตร (รถไถ) และเครื่องสีข้าวให้แก่ผู้แทนเกษตรกร

 

ประธานสหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด กล่าวรายงานความเป็นมาและผลการดำเนินงานของสหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด ว่า สืบเนื่องจากเกษตรกรประสบปัญหาเรื่องราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ  จึงได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   จนสามารถก่อตั้งเป็นสหกรณ์ มีสมาชิกแรกตั้งจำนวน  50  ครอบครัว รวบรวมน้ำนมดิบจากสมาชิกได้วันละ 3 ตัน และจำหน่ายให้กับบริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด (นมตรามะลิ)  ปัจจุบัน สหกรณ์ฯ มีสมาชิกจำนวน 342 ครอบครัว มีจำนวนโคนมทั้งหมด 9,406 ตัว มีศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบทุ่งลูกนก ขนาด 45 ตันต่อวัน ได้รับ MOU จากกรมส่งเสริมสหกรณ์  จำนวน 36.387 ตันต่อวัน ได้รับสิทธิในการจำหน่ายนมโรงเรียน จำนวน 25 ตันต่อวัน หรือ 145,000 ซองต่อวัน และที่เหลือจำหน่ายน้ำนมดิบให้กับ บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด จำนวน 11.387 ตันต่อวัน

 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวกับนักเรียนที่มาให้การต้อนรับว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์คือการพัฒนาคนตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนเติบโต เพราะจะเป็นอนาคตของประเทศชาติ จึงต้องทำให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพ และสิ่งสำคัญนอกจากจะเรียนหนังสือแล้วต้องจบมามีงานทำสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่และครอบครัวได้  พร้อมกล่าวพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับตอนหนึ่งว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ได้ทราบถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบาย ซึ่งตราบใดก็ตามที่โลกยังไม่หยุดหมุน ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นทุกคนต้องร่วมมือกันเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการทำงานของส่วนราชการต้องพาประชาชน พาประเทศชาติเดินหน้าไปข้างหน้า สามารถยกระดับพัฒนาตนเองให้มีรายได้ดีขึ้นไปอย่างพอเพียงตามศักยภาพแต่ละคน

 

ส่วนผู้นำท้องถิ่นต้องมองอนาคตของประเทศชาติ เป็นผู้นำที่สร้างการเรียนรู้ สร้างอาชีพให้เกิดความเข้มแข็งของท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน สร้างโอกาสเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม ทั้งนี้ ทุกคนต้องพัฒนาตนเอง พัฒนาฝีมือแรงงานให้มีคุณภาพ พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกโดยให้ยึดหลักความต้องการของตลาดเป็นหลัก

 

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความเป็นห่วงหลักคิดของประชาชนในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นหลักคิดด้านการเกษตร ด้านการค้า และด้านกฎหมาย ว่า หลักคิดทุกด้านมีผลต่อการสร้างโอกาสในด้านต่าง ๆ จึงขอให้มีการวิเคราะห์อย่างมีหลักการและมีเหตุผล อย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ โดยเฉพาะข่าวสารจาก Social พร้อมกล่าวฝากประชาชนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าขอให้เลือกคนที่มีคุณภาพมาเป็นผู้แทน และได้รัฐบาลที่มีคุณธรรม มีธรรมาภิบาล ทำงานเพื่อประชาชนและเพื่อประเทศชาติ

 

…………………………………………………………………………

 

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

 

 

matemnews.com  21 กุมภาพันธ์ 2561