คลิกอ่านเพจ
โรดแมปปฏิรูปตำรวจ
·
กลุ่ม police watch ยกบทเรียนคดีหวย30ล้านเรียกร้องนายกฯปฏิรูปงานสอบสวนแยกเป็นอิสระจากสายงานตำรวจให้อัยการมีอำนาจตรวจสอบคดีตั้งแต่เกิดเหตุ การสอบปากคำบุคคลต้องมีระบบบันทึกภาพและเสียงจี้ดำเนินคดีอาญาและพักราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องในการแต่งเติมพยานหลักฐานและโจรกรรมวัตถุพยานในคดีดังกล่าว
—
แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) หรือ Police Watch
ฉบับที่ ๙ /๒๕๖๑
เรื่อง ขอให้นายกรัฐมนตรีเร่งแก้ปัญหาตำรวจและปฏิรูปงานสอบสวนจากบทเรียนคดีหวย 30 ล้าน
ตามที่ได้เกิดปัญหาตำรวจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนในกรณีต่างๆ อยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่วยสินบนรู้เห็นเป็นใจให้มีแหล่งอบายมุขในพื้นที่อันเป็นสาเหตุสำคัญของอาชญากรรมและยาเสพติด จนกรมการปกครองและทหารต้องตรวจจับกุมแทนอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งปัญหาการไม่รับแจ้งความบันทึกเลขคดีในกรณีที่ประชาชนร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือการแจ้งข้อหาต่อบุคคลโดยปราศจากพยานหลักฐานการกระทำผิดหรือเกินจริง รวมไปถึงการสั่งงานสอบสวนของผู้บังคับบัญชาโดยมิชอบให้แต่งเติมพยานหลักฐานการดำเนินคดีตามที่ต้องการ และการโจรกรรมวัตถุพยานสำคัญที่เกิดขึ้นในสถานีตำรวจ เช่น คดีหวย ๓๐ ล้าน ปรากฎหลักฐานการกระทำผิดชัดเจนตามหนังสือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ ๐๐๒๖(ก๑)/๑๖ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ เป็นข่าวอื้อฉาวอยู่ในขณะนี้
พฤติการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศถึง ๗๑ เปอร์เซ็นต์หรือ จำนวน ๔๗ ล้านคน ไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาตามผลสำรวจของสำนักวิจัยกรุงเทพโพล ส่งกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรงยิ่ง
จึงขอเรียกร้องให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สั่งการให้มีการดำเนินคดีอาญาและสั่งพักราชการตำรวจผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้รับผิดชอบทุกระดับที่ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ในกรณีพบการกระทำโดยมิชอบเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อข้าราชการตำรวจอื่น รวมทั้งเร่งปฏิรูประบบงานสอบสวนด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการกระทำผิดในการสอบสวนลักษณะต่างๆ ดังนี้
๑. ให้มีบทบัญญัติคุ้มครองความเป็นอิสระการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนทุกหน่วยเช่นเดียวกับพนักงานอัยการ
๒. แยกงานสอบสวนออกจากตำรวจเป็นสายงานเฉพาะ ให้พนักงานสอบสวนมีความเจริญก้าวหน้าด้วยระบบประเมินที่มีมาตรฐานและยึดหลักอาวุโส
โดยหัวหน้าสถานี ผู้บังคับการตำรวจ และผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องไม่มีอำนาจสั่งงานสอบสวน ให้เป็นหน้าที่หัวหน้างานสอบสวนประจำสถานีและหน่วยสอบสวนทุกหน่วยเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมและสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษร รวมทั้งการส่งสำนวนพนักงานอัยการ
๓. การออกหมายเรียกบุคคลเป็นผู้ต้องหาและเสนอศาลออกหมายจับต้องได้รับความเห็นชอบจากพนักงานอัยการ
๔. ให้อัยการมีอำนาจตรวจสอบการสอบสวนคดีสำคัญที่มีโทษจำคุกเกินห้าปีขึ้นไป โดยพนักงานสอบสวนต้องรายงานให้ทราบทันทีที่เกิดเหตุ รวมทั้งคดีที่มีการร้องเรียนว่าการสอบสวนไม่ได้กระทำโดยชอบตามกฎหมาย หรือไม่ได้รับความยุติธรรม
๕. การสอบปากคำบุคคล ต้องกระทำในห้องสอบสวนที่จัดเฉพาะ มีระบบบันทึกภาพและเสียงอัตโนมัติเก็บเป็นหลักฐานไว้ให้อัยการและศาลเรียกตรวจสอบได้เมื่อจำเป็นทุกคดี
เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจเชื่อว่า หากได้ดำเนินการปฏิรูประบบงานสอบใน ๕ เรื่องดังกล่าว จะทำให้การสอบสวนคดีอาญาของประเทศมีความความสุจริตตรงกับข้อเท็จจริงเกิดความยุติธรรมต่อประชาชนมากยิ่งขึ้นเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการอย่างเหมาะสมตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๕๘ ง.(๒) อย่างแท้จริง แต่หากไม่เร่งดำเนินการ ก็จะทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อของกระบวนการยุติธรรมที่ล้าหลังซ้ำซาก สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนเกิดปัญหาความขัดแย้งทางสังคมต่อไปไม่จบสิ้น.
เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) Police Watch
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
matemnews.com 25 กุมภาพันธ์ 2561