https://goo.gl/Qj5syv
นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และเครือข่าย พร้อมสมาชิก ไปที่สตช.เมื่อตอนเช้าวันที่ 16 มีนาคม 2561 เข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอบคุณที่ทำคดีได้อย่างรวดเร็ว พร้อมสอบถามประเด็นข้อสงสัยต่างๆ และขอความมั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับ นายเปรมชัย กรรณ พร้อมพวกรวม 4 คน ในคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี และข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง
โอกาสนี้ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้อแจกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ให้สื่อมวลชน ความว่า
จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกเข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4 คน ที่ได้เข้าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก พร้อมทั้งได้มีการตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองพร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน และปลอกกระสุนปืน ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ให้กับสำนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ โดยพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ
นายเปรมชัย กรรณสูตร ผู้ต้องหาที่1
นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2
นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3
นายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4
รวม 9 ข้อ ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 34 / 2561 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแล้วนั้น
1.มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ส่งสำนวนของพนักงานสอบสวน ให้อยู่ในกรอบระยะเวลาของการดำเนินงานโดยไม่ชักช้า และข้อหาที่สำคัญ คือเจตนาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง และร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นข้อหาสำคัญตามพฤติการณ์แห่งคดี ได้ถูกระบุส่งถึงอัยการอย่างครบถ้วน มูลนิธิสืบนาคะเสถียร หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสำนวนประกอบคำฟ้องจะดำเนินการไปด้วยความรัดกุม รอบคอบ และมีน้ำหนักเพียงพอที่จะใช้ประกอบคำฟ้องในชั้นอัยการต่อไป
2.ด้วยพฤติการณ์แห่งคดีที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำโดยอุกอาจ เจตนาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง และร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของคนไทยทุกคน มูลนิธิสืบนาคะเสถียร คาดหวังว่า ผู้กระทำความผิดสมควรได้รับการประณามและลงโทษตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมเช่นประชาชนคนไทยทุกคนที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายต่อไป
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้กล่าวชี้แจงแก่คณะที่เข้าพบ สรุปภาพรวมคดีนายเปรมชัย ว่า คดีนี้มีการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย และพวกรวมแล้ว 4 คน หลังมีหลักฐานเป็นซากสัตว์ อาวุธปืน และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่พบขณะเกิดเหตุ 28 รายการ จำนวนกว่า 200 ชิ้น และสอบปากคำพยานไปกว่า 51 ปาก จนสามารถสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องศาลได้แล้ว 9 ข้อหา ภายใน 36 วัน อาทิ ข้อหาร่วมกันล่าและพยายามล่าสัตว์ป่า , ร่วมกันซ่อนเร้นซากสัตว์ป่า , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งยังอยู่ระหว่างดำเนินคดีในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน , ครอบครองงาช้าง และครอบครองอาวุธปืน รวมทั้ง ตรวจสอบเพิ่มเติมเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่า พนักงานสอบสวนสามารถยืนยันความผิดของนายเปรมชัยได้อย่างชัดเจน แม้จะไม่เจอสัตว์ป่ามีชีวิต พบเพียงซากสัตว์ แต่ได้มีการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าเป็นสัตว์ที่ถูกยิง ถูกล่า และถูกชำแหละ แสดงให้เห็นถึงความผิดเกี่ยวกับการล่าสัตว์จริง นอกจากนี้ส่วนตัวไม่น้อยใจที่ถูกจับตาจากเครือข่ายภาคประชาชน เนื่องจากได้กำลังใจจากนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี มาตลอด โดยจะทำงานอย่างเต็มที่ตามกรอบกฎหมาย
พร้อมนี้ ได้มีสมาชิกเครือข่ายนักศึกษา จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าพบพล.ต.อ.ศรีวราห์ ด้วย ยื่นขอให้ทบทวนการลงโทษ ร.ต.อ.สุมิตร บุญยะนิจ พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ที่รับคำร้องทุกข์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ซึ่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่า การลงโทษมาจากการพิจารณาแล้วว่าเป็นการกระทำ ทั้งๆที่ไม่ได้มีกฎหมายบัญญัติ โดยได้ลงโทษภาคทัณฑ์สถานเบาสุด
matemnews.com 16 มีนาคม 2561