Home ข่าวทั่วไปรอบวัน เพนตากอนต้อนรับพลเอกประวิตรยิ่งใหญ่

เพนตากอนต้อนรับพลเอกประวิตรยิ่งใหญ่

588
0
SHARE

 

คลิกอ่านรายละเอียด

https://goo.gl/ShWcrS

 

 

เฟชบุ้ค  Wassana Nanuam  รายงาน

 

อย่างโก้. เลย!!

 

“บิ๊กป้อม” เยือนPentagon.”พล.อ.James Mathis” รมว.กลาโหม ไทย – สหรัฐ ฯ ต้อนรับหน้าบ้าน จัดแถวทหารรับ…ต่างโปรยยาหอม สัมพันธ์ยาวนาน ตั้งแต่ สยามส่ง”ช้าง”ไปช่วย สงครามกลางเมือง แม้ Lincoln ไม่เอา แต่ซาบซึ้งใจ ย้ำความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และพันธมิตรที่ใกล้ชิด ในการเป็นศูนย์กลางเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค

 

“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและรมว.กลาโหมพร้อม พลเอกเทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกลาโหมและผู้แทนเหล่าทัพ เดินทางไปเยือนกระทรวงกลาโหม ( Department of Defense ) กรุงWashington DC เพื่อเยี่ยมคำนับและหารือกับ พล.อ. James Mathis รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและมีมิตรไมตรียิ่ง

 

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า การพบกันมีขึ้นเมื่อ 23 เม.ย.61 เวลา 1000 น.

 

โดย พล.อ. James Mathis ได้แสดงความยินดีกับ พล.อ.ประวิตร ที่ได้พบกันอีก หลังจากที่ ได้เดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อ ต.ค. 60 ซึ่งไม่เคยเห็นประชาชนประเทศใด ที่จะเทิดทูนและให้ความเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์เท่ากับประชาชนชาวไทย

 

และขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่เดินทางมาเยือนและร่วมแสดงความรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตจากสงคราม

 

 

พล.อ.James Mathis รมว.กห.สหรัฐฯ กล่าวถึง ความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่าง ไทย กับ สหรัฐฯ ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 200 ปี และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย

 

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศย้อนไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1818 โดยสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เสนอส่งช้างมา สนับสนุนสหรัฐฯ ในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐฯ

 

แม้ว่าประธานาธิบดี Lincoln จะมิได้ตอบรับข้อเสนอดังกล่าว แต่สหรัฐฯ มีความซาบซึ้งใจและเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงมิตรไมตรีที่มีมายาวนานของทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี

 

 

พล.อ. James Mathis ยังกล่าวว่า สหรัฐฯ ตระหนักว่าไทยเป็นศูนย์กลางที่จะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค ในฐานะที่เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด

 

สหรัฐฯ ยึดมั่นที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อคงความมีเสถียรภาพและการเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมกัน ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ที่เปิดกว้างและเสรี (Free and Open Indo – Pacific) ของสหรัฐฯ

 

และได้เน้นย้ำความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทย กับ สหรัฐฯ โดยเฉพาะภายหลังจากที่ทั้งสองประเทศได้ออกแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศระหว่างไทย – สหรัฐฯ ค.ศ. 2012 ( 2012 Joint Vision Statement for Thai – U.S. Defense Alliance )

 

นอกจากนั้น ยังคาดหวังว่า ความสัมพันธ์อันดีที่ผ่านมากว่า 200 ปี จะนำไปสู่ความสัมพันธ์อันแนบแน่นในอีก 200 ปีข้างหน้าเช่นกัน

 

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ พล.อ. James Mathis ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

 

พร้อมทั้งแสดงความยินดีต่อการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 200 ปี แห่งมิตรภาพไทย – สหรัฐฯ ( 200 years of U.S. – Thai Friendship )

 

ในปีนี้ โดยเมื่อ 20 มี.ค. 61 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการ ฉลองความสัมพันธ์ “Great and Good Friends” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นลึกซึ้งและเป็นมิตรที่ดีต่อกัน

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่สำคัญของไทย และขอให้เชื่อมั่นว่า ไทยจะยังคงเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของสหรัฐฯ อยู่เช่นเดิม ซึ่งความสัมพันธ์ทางทหาร ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เป็นหัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งสองประเทศ

 

รวมทั้งต้องการเห็นการยกระดับความเป็นพันธมิตรระหว่างกันให้ก้าวหน้าและแนบแน่นยิ่งขึ้น เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ และความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ภายใต้แถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมที่กำหนด

 

นอกจากนั้น ไทยพร้อมสนับสนุนสหรัฐฯ ในการสร้างความตระหนักรู้ทางทะเล ( Maritime Domain Awareness: MDA ) และความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลในกรอบอาเซียน เพื่อความสงบสุขร่วมกันของภูมิภาค

 

และพร้อมสนับสนุนแนวคิดของสหรัฐฯ เรื่องความริเริ่มความร่วมมือด้านการขนส่งทางอากาศในภูมิภาค ( Movement Coordination Center-Pacific: MCC-P )

 

และแนวคิดในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการส่งกำลังบำรุง (Regional Logistics Center)

 

พร้อมทั้งคาดหวังการสนับสนุนและเสนอแนะจากสหรัฐฯ เพื่อความสมบูรณ์ในการทำหน้าที่ของไทย ในตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 62

 

 

สำหรับความคืบหน้าการจัดทำความตกลง ระหว่าง กห. กับ กห.สหรัฐฯ ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการวิจัยและพัฒนา (Master Information Exchange Agreement: MIEA) คาดว่าจะสามารถลงนามร่วมกันได้ภายใน ก.ย.61 ซึ่งจะเป็นส่วนผลักดันให้เกิดการวิจัยและพัฒนาทางทหารร่วมกันมากขึ้น รวมทั้งเกื้อกูลต่ออุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ตลอดจนแนวนโยบาย Thailand 4.0

 

และในตอนท้าย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ รมว.กห.สหรัฐ ที่พร้อมให้การสนับสนุนความพยายามของรัฐบาล ในการเดินหน้าจัดการเลือกตั้งสู่การเป็นประเทศประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เพื่อเสถียรภาพที่มั่นคงและยั่งยืนของประเทศไทย

 

matemnews.com 

23 เมษายน 2561