เช้าวันที่ 25 พ.ค.2561 ผู้สื่อข่าวประจำทเนียบรัฐบาล ได้สัมภาษณ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประเด็นการจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ นายวิษณุตอบ ว่า
“ไม่ทราบจะกระเทือนถึงไหน แต่กระเทือนวงการสงฆ์แน่นอน เป็นเรื่องธรรมดา กระเทือนความรู้สึกพุทธศาสนิกชนบางคนบางกลุ่ม แต่คงไม่กระเทือนพระพุทธศาสนา เพราะยังมั่นคงดีอยู่ หากมีอะไรเป็นเหตุเภทภัยเข้ามากระทบ ถ้าสามารถลิดรอนหรือกำจัดออกไปได้จะทำให้พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์มากขึ้น การดำเนินการว่าใครถูกหรือผิดนั้นไม่ทราบ ไม่มีใครรู้ มีเพียงเจ้าหน้าที่ที่รู้ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย จะไม่ดำเนินการไม่ได้ ต้องมีการต่อสู้คดีกันไป ถ้าพ้นภัยพ้นปัญหาไปทุกอย่างจะกลับมาได้อย่างเดิม แต่ถ้าไม่สามารถต่อสู้ให้พ้นไปได้ คดีจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปสู่ศาล คดีทั้งหมดที่กล่าวหานั้น เป็นการกล่าวหาในทางโลกจึงเป็นเรื่องที่ทางโลกต้องไปจัดการ ถ้ามีเรื่องกระทบในทางธรรมหรือทางศาสนา ทางศาสนาต้องเข้าไปจัดการ ทางศาสนาในที่นี้หมายถึง กรณีที่กระทบต่ออธิกรณ์หรือวินัยสงฆ์ ทางศาสนาต้องไปว่ากัน กฎหมายคณะสงฆ์ต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างทางโลกกับทางธรรม ได้บอกไว้ชัดเจนแล้วว่า ในกรณีที่ภิกษุต้องคดีอาญาจะต้องดำเนินการอย่างไร”
นักข่าวถามว่า เหตุจับกุมที่เกิดขึ้นจะทำให้ประชาชนตั้งคำถามหรือไม่ว่า เราจะสามารถนับถือพระสงฆ์ได้อยู่หรือไม่ เพราะขนาดพระเถระชั้นผู้ใหญ่ยังมีคดีแบบนี้เกิดขึ้น นายวิษณุ ตอบว่า
“ใครๆ ก็รู้ว่า เรื่องแบบนี้มีมานานแล้ว แต่หากเราไปสะดุ้งสะเทือนหมดอาลัยตายอยาก เลิกนับถือพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุแบบนี้ บรรพบุรุษของเราคงไม่สามารถรักษาพุทธศาสนาได้มาจนถึงปัจจุบัน แต่เพราะบรรพบุรุษไม่คิดแบบนั้น เหตุเกิดที่ไหนก็จัดการตรงนั้นให้จบ บ้านช่องไม่สะอาดก็ปัดกวาดเสีย แต่ถ้าบ้านช่องไม่สะอาดถึงขนาดรื้อบ้านคงไม่คุ้ม
นักข่าวถามต่อ รอบนี้ถึงขั้นจะต้องสังคายนาวงการสงฆ์ใช่เลยหรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า
“อย่าไปพูดว่า สังคายนา เพราะคำนี้เป็นคำพิเศษที่หมายความถึงกรณีที่ต้องมีการประชุมพระสงฆ์ เพื่อตรวจสอบพระไตรปิฎกว่า มีความฟั่นเฟือนวิปริตหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่ทำยาก แต่อาจทำคล้ายๆ สังคายนาได้คือ ประชุมตรวจสอบตกลงกติกาวิธีปฏิบัติ คิดว่า เรื่องนี้มหาเถรสมาคม น่าจะนำไปดำเนินการได้
ถามต่อ ว่า รัฐบาลจะแนวทางดูแลเรื่องพุทธพาณิชย์อย่างไร นายวิษณุ ตอบว่า
“พุทธพาณิชย์เป็นคำเรียกกันในความหมายว่า ได้มีการนำเอาศาสนา หรือศาสนวัตถุ หรือศาสนบุคคลมาค้าขายหากำไร เป็นเรื่องที่สะเทือนใจชาวพุทธ และต้องจัดการกันต่อไป บางเรื่องมีกฎเกณฑ์ที่ควบคุมอยู่แล้ว แต่บางเรื่องอาจไม่มี บางเรื่องที่มีกฎเกณฑ์ควบคุมอยู่ อาจมีช่องว่างให้หลีกเลี่ยงออกไปได้ แต่ถ้าเราเข้มงวดหน่อยสามารถทำได้ คิดว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดีในการทำอะไรให้บริสุทธิ์ผุดผ่องมากขึ้น”
ต่างประเทศจะเข้าใจระบบการดำเนินการในครั้งนี้ของประเทศไทยหรือไม่ เพราะเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่นั้น ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องใหม่ แต่ถ้าเขาสงสัยสามารถชี้แจงได้ว่า เรื่องนี้มีหรือไม่มีการกลั่นแกล้ง เรื่องนี้กระทบสิทธิมนุษยชนหรือไม่ หรือล่วงล้ำเสรีภาพในการนับถือศาสนาหรือไม่ ฝรั่งเขาถือเรื่องนี้ ถ้าอธิบาย 3 ข้อนี้ได้ ไม่มีปัญหาสำหรับต่างประเทศ”
นักข่าวถาม เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนแก่วงการสงฆ์หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า
“เป็นบทเรียนที่ควรตระหนัก สังวรณ์ และระมัดระวัง พระผู้ใหญ่บางรูประมัดระวังดีอยู่แล้ว ให้ไปดูจริยวัตรของพระสังฆราชสวยสดงดงาม ท่านเตือนอะไรก็เป็นปิยวาจา”
matemnews.com
25 พฤษภาคม 2561