เหตุพายุฝนพัดถล่มพื้นที่ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นตั้งแต่วันพฤหัสบดี (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมสูงฉับพลันอย่างรุนแรง ทำให้ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 100 ราย ส่วนยอดผู้สูญหายอยู่ที่มากกว่า 50 ราย
ก่อนหน้านี้ทางการญี่ปุ่นออกคำสั่งอพยพประชาชนออกจากบ้านเรือนทันทีเกือบ 1.5 ล้านคน และเรียกร้องประชาชนอีกราวสามล้านคนโยกย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัย เพื่อตัดลดความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้
รายงานข่าวอ้างข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าเมืองโมโตยามา (Motoyama) ซึ่งอยู่ห่างจากนครหลวงโตเกียวราว 600 กิโลเมตร สามารถบันทึกค่าสถิติปริมาณน้ำฝนได้กว่า 583 มิลลิเมตรระหว่างวันศุกร์ถึงช่วงเช้าวันเสาร์ (6-7 ก.ค.)
สำนักการจัดการเหตุเพลิงไหม้และภัยพิบัติ (FDMA) เผยว่านับถึงบ่ายวันอาทิตย์ (8 ก.ค.) มีการเคลื่อนย้ายประชาชนราว 30,000 คนไปยังศูนย์อพยพฉุกเฉิน ขณะจังหวัดโอโกยามะ หนึ่งในพื้นที่ประสบภัยรุนแรงที่สุด พบประชาชนติดค้างอยู่บนหลังคาบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมมิดลับตามากกว่า 1,000 คน
มวลน้ำปริมาณมหาศาลทะลักเข้าท่วมพื้นที่หลังกำแพงกั้นน้ำสามแห่งของแม่น้ำโอดะ (Oda River) พังทลายลง บรรดาผู้ประสบภัยถูกช่วยเหลือทางเรือหรือเฮลิคอปเตอร์ โดยบ้านเรือนราว 4,600 หลังที่เขตมาบิโช ซึ่งมีพื้นที่ 1,200 เฮกเตอร์หรือหนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำ
สำนักข่าวเจแปน ไทม์ส ของญี่ปุ่น รายงานว่าบ้านเรือนมากกว่า 267,000 หลังใน 11 จังหวัด ประสบภาวะขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคบริโภค
นอกจากนั้นฝนตกหนักยังส่งผลต่อการดำเนินงานของโรงงานมาสด้า มอเตอร์ (Mazda Motor) และไดฮัทสุ มอเตอร์ (Daihatsu Motor) ในจังหวัดเกียวโต ฮิโรชิมะ และยามากุชิ โดยบริษัททั้งสองตัดสินใจหยุดงานเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน
“เราทำงานแข่งกับเวลาเพื่อการกู้ภัย การช่วยชีวิต และการอพยพ เพราะยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังคงไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยได้” นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวขณะประชุมกับคณะเจ้าหน้าที่กู้ภัยและบรรเทาภัยพิบัติ เมื่อวันอาทิตย์ (8 ก.ค.) ที่ผ่านมา
ข้อมูลโดย China Xinhua News
