Home ไลฟ์สไตล์ By TipLife “ภูบักได” เป็นจั่งได๋…งามสมคำร่ำลือ (ภูเรือ)

“ภูบักได” เป็นจั่งได๋…งามสมคำร่ำลือ (ภูเรือ)

2963
0
SHARE

ถ้านึกถึง จังหวัดเลย ภาพแรกในมโนคติของคุณจะเป็นอะไร ..  ผีตาโขน พระธาตุศรีสองรัก เชียงคาน ภูกระดึง หรือ ภูเรือ แต่ถ้าบอกว่า ภูบักได  หลายคนยังไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเพราะเห็นมีคนถ่ายภาพกับผาวัดใจหวาดเสียวน่าดู เช็คข้อมูลไปเช็คข้อมูลมา เลยมารู้ว่า ภูบักได ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ภูเรือ นั่นเอง

 

ภูบักได  นั้นคือสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ รอท้าทายเหล่านักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยให้ได้มาเยือนและสัมผัสความสวยงามอยู่ เป็นภูเขาที่ทอดต่อมาจาก “ภูหลวง” สูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร ตำบลปลาบ่า อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย อยู่ห่างจากตัวอำเภอภูเรือ ประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาทีก็เดินทางถึงทางขึ้นตรงหมู่บ้านแล้วใครที่มารถยนตร์ส่วนตัวก็มองป้ายว่าไปเกษตรที่สูงภูเรือเอาไว้ (แต่อยู่ก่อนเกษตรที่สูง) ส่วนคนที่เดินทางมารถทัวร์จากกรุงเทพก็สามารถนั่งรถไปถึงตัวอำเภอได้เลย เป็นของบริษัทเพชรประเสริฐทัวร์ (ช่วงเทศกาลมักจะเต็มต้องจองล่วงหน้า) หรือใครที่มีเวลาน้อยก็สามารถบินมาลงที่สนามบินแล้วเรียกให้คณะนำเที่ยวมารับก็ได้ เที่ยวบินก็มี 6-8 เที่ยวต่อวันมีสองสายการบินให้เลือก

 

พอถึงทางขึ้นหมู่บ้านน้ำทบ เราก็นั่งรถอีแต๊กไปประมาณแค่ 30 นาที จากนั้นก็ขนสัมภาระ แบกเป้ใส่หลังเดินขึ้นเขาไปประมาณ 2 กิโลเมตร (ใช้เวลาก็ประมาณ 1.30 – 2 ชั่วโมงแล้วแต่กำลังคนจะเดิน) ระหว่างเดินนั้นต่างจากการนั่งรถมาเป็นอย่างมาก เพราะหายใจโล่งคอมาก หน้านี้หน้าแล้งเลยมีฝุ่นตอนนั่งรถอยู่บ้างถ้าจะให้ดีเตรียมผ้าปิดปากมาด้วยก็ดี อีกอย่างตอนเดินไม่ร้อน โดนแดดมีป่าไม้เขียวขจี มีพืชดอกไม้รายล้อมนานาชนิด แต่ต้องระหวังสองอย่างคือ ทาก (ให้เลือกเดินนำหน้าเพื่อนเพราะกว่ามันจะมาถึงก็กัดคนข้างหลังเราเดินไปไกลแล้ว) อย่างที่สองคือพืชชนิดหนึ่งเรียกกันว่า หาญช้างร้อง ก็ใครโดนเป็นต้องร้องปวดแสบปวดร้อนกันทั้งนั้น

 

 

พาสต่อมาเมื่อเดินขึ้นมาถึงสันเขาเราจะพบวิวความงามที่คุ้มค่ากับการเหนื่อยเป็นอย่างมาก แต่ระหว่างเดินขึ้นเขาเราก็แอบมองเห็นอยู่เรื่อยๆ แต่พอขึ้นมาบนสุดจะได้รับลมที่เย็นสบาย มองไปพื้นล่างเห็นหมู่บ้านน้ำทบอยู่ตรงหน้า เดินไปอีก 300 เมตร เราจะพบพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ และเห็นเพื่อนๆ เดินเป็นแถวยาวตามทางขึ้นไปถ่ายรูปสวย ผ่านตรงนี้ก็มีป่าไม้บวกกับหินอันนี้จะเจอกล้วยไม้และมอสแกะอยู่ตามต้นไม้ ถ้าอากาศไม่มีความชื้นจริงๆ จะไม่เกิดมอสแบบนี้

 

 

พาสสุดท้ายเราก็จะเดินถึงจุดที่เป็นไฮไลท์ นั่นคือ “ผาวัดใจ” หรือบางคนเรียกว่า ผาหลอกลวง ผาขี้ตั๋ว เพราะมุมนี้ถ่ายภาพแล้วเหมือนประหนึ่งว่าเรากำลังอยู่ที่สูง แต่ความสูงเพียง 1-2 เมตรเท่านั้น ไม่อันตรายถ้าเราไม่ผาดโผนจนเกินไป ถ่ายรูปกันพอสมควรก่อนจะมืดเราก็มากางเต็นท์ เป็นจุดใกล้ๆ กับตรงนี้ หาฝืนแถวนั้นมาก่อไป หรือคณะใครแบกเตาแก๊สมาก็สะดวกหน่อย ก่อไฟไล่ยุงและความหนาว ล้อมวงทานข้าวกันนอนดูดาว หรือจะมองไฟบนดินที่ชาวบ้านเปิดไว้ แต่ขอบอกดูตอนหัวค่ำ เพราะดึกๆแล้วชาวบ้านจะปิดไฟนอน หรือจะนอนดูดาวบนฟ้าก็สวยงามตาไปอีก บอกไว้ก่อนที่นี่ 16.00 น. ความหนาวก็มาเยือนแล้วนะ

ตื่นเช้าจะเจอหมอกหนาตาขาวไปหมดทุกทิศ ถ้าโชคดีมีทะเลหมอกในพื้นล่าง เก็บภาพพองาม ท้องหิวก็มานั่งทำ “ข้าวจี่” ทาไข่สักหน่อยอะไรหอมอร่อย ก็เอาข้าวเหนียวที่เหลือนั่นแหละมาทาน สัก 9 โมง 10 โมงก็เดินกลับ แต่จะบอกให้ว่ายังมืดอยู่เลยนะ คนนำทางบอกว่ามีน้ำตกด้วยแต่ชาวคณะเหนื่อยและหิวข้าวเที่ยงกันก็เลยไม่ได้แวะ ไว้ครั้งหน้า เจอโน่น เจอนี่ จะมารีวิวใหม่นะจ๊ะ

 

ขอบคุณข้อมูล และภาพจาก “ภูบักได ใครๆ ก็เที่ยว”

 

ข้อมูลการเดินทาง

เดินทางโดยเครื่องบิน

>> แอร์เอเชีย / นกแอร์  (เช่ารถ หรือ ให้คณะมารับ นั่งรถประจำทางมาภูเรือ)

 

เส้นทางรถสาธารณะ

>> บขส 999 / แอร์เมืองเลย กทม. – เลยนั่งรถจากอำเภอเมืองเลย อำเภอภูเรือ

>> เส้นทางรถเพชรประเสริฐทัวร์- ภูเรือ (ราคา 349)

 

รถยนต์ส่วนตัว

>> มาทางเพชรบรูณ์ หรือ ทางขอนแก่นก็ได้

 

 ข้อมูลการเตรียมตัว

ชุดสำหรับการเดินป่า 1 – 2 ชุด

เต็นท์สำหรับกาง

ถุงนอน เสื้อกันหนาว

ถุงเท้ากันทาก หรือจะเป็นถุงเท้าฟุตบอลหนาๆ

อาหารน้ำดื่ม

เครื่องใช้ส่วนตัวที่จำเป็น ยารักษาโรค ไฟฉาย ฯลฯ

ข้อมูลค่าใช้จ่าย  สอบถามได้ที่เพจเฟซบุ๊ค “ภูบักได ใครๆ ก็เที่ยว” https://www.facebook.com/PhuBakDai