Home ข่าวทั่วไปรอบวัน เลวร้ายสุด – ห้ามสื่อสารโดยใช้โซเชียลมีเดีย

เลวร้ายสุด – ห้ามสื่อสารโดยใช้โซเชียลมีเดีย

690
0
SHARE

 

นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย  แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2561 ว่า

 

“คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 13/2561 ไม่ใช่เป็นการคลายล็อกให้พรรคการเมือง  แต่เป็นการล่ามโซ่พรรคการเมือง และปิดหูปิดตาประชาชน คำสั่งนี้จะทำให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นกำลังจะเป็นการเลือกตั้งที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากที่สุด นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งมาในประเทศไทย ที่อวดอ้างว่าระบบตามรัฐธรรมนูญนี้ต้องการให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชน สมาชิกพรรคสามารถกำหนดผู้นำ ผู้บริหารพรรค และนโยบายพรรคได้นั้น คำสั่งนี้ได้ทำให้สิ่งที่อวดอ้างเหล่านั้นไม่อาจเกิดขึ้น  อีกทั้งยังไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองจัดทำนโยบาย โดยสมาชิกพรรคและประชาชนมีส่วนร่วม และการยกเลิกทำไพรมารีโหวตโดยไม่มีวิธีการที่ดีมาทดแทน การห้ามใช้โซเชียลมีเดียสื่อสารกับประชาชน ภายใต้ข้ออ้างว่าห้ามหาเสียงและภายใต้ความสงบเรียบร้อย ที่ผ่านมามักห้ามโน่นห้ามนี่ โดยอ้างว่ากลัวจะเกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะห้ามทำกิจกรรมที่มีคนเข้าร่วมเกิน 5 คน ถือเป็นการมั่วสุมทางการเมือง แต่การประชุมหารือเพื่อทำนโยบาย มันจะเป็นความไม่สงบไปได้อย่างไร เพราะประชุมกับกลุ่มประชาชนที่ทำอาชีพต่างๆเป็นต้น  เลวร้ายสุดห้ามสื่อสารโดยใช้โซเชียลมีเดีย โดยใช้คำว่าห้ามประชาสัมพันธ์หรือสื่อสารที่เป็นการหาเสียง ซึ่งถือเป็นการปิดหูปิดตาประชาชนนั่นเอง คำว่าหาเสียงหมายความอย่างไร คำนี้อาจถูกตีความจนพรรคการเมืองสื่อสารประชาชนทั่วไปไม่ได้ เพราะว่าอาจมีการตีความอำเภอใจ พูดถึงพรรคการเมือง นักการเมือง พูดถึงนโยบาย อาจตีความเป็นการหาเสียงไปได้หมด ทั้งๆที่การหาเสียงไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมองว่าการหาเสียงกับประชาชนเป็นสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยกับบ้านเมือง  นอกจากนี้คำสั่งนี้ยังให้อำนาจ คสช.และ กกต.กำหนดการประชาสัมพันธ์แบบใดเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อย และอาจสั่งระงับการประชาสัมพันธ์ใดๆได้ตามที่เห็นว่าสมควร ซึ่งอาจรวมถึงการห้ามวิพากษ์วิจารณ์ คสช.และรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาการวิพากษ์วิจารณ์ก็ถูกเลือกปฏิบัติมาโดยตลอด ขัดแย้งกับแกนนำ คสช. และผู้นำรัฐบาลบางส่วนอาจไปเป็นผู้ลงแข่งขันในการเลือกตั้งเอง แต่ก็จะปิดปากนักการเมืองและประชาชนในการที่วิพากษ์วิจารณ์ คสช.และรัฐบาล  ทั้งหมดนี้เป็นการจำกัดสิทธิประชาชนในการกำหนดนโยบายพรรคการเมือง ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ประชาชนที่จะเลือกผู้แทนของตนและรัฐบาลที่จะมาบริหารประเทศในอนาคต เป็นการเลือกตั้งภายใต้อำนาจเผด็จการโดยแท้ ผู้ที่สูญเสียผลประโยชน์มากที่สุดจากคำสั่งนี้คือประชาชนทั้งประเทศ  เขากลัวประชาชนจะเลือกพรรคการเมือง นักการเมืองที่ต้องการ และเป็นฝ่ายที่ตรงข้ามหรือไม่สนับสนุนผู้นำ คสช. คำสั่งแบบนี้เปิดให้ผู้นำ คสช.และรัฐบาล หาเสียงฝ่ายเดียว พูดถึงโครงการ นโยบาย ความดีงามต่างๆของ คสช.โดยไม่มีอะไรห้าม แต่พรรคการเมืองไม่สามารถทำนโยบายให้ตรงกับความต้องการของประชาชน และไม่สามารถสื่อสารกับประชาชนได้ เขากลัวประชาชนได้ข้อมูล 2 ทางแล้วมีโอกาสเปรียบเทียบประชาชนก็จะสนับสนุนผู้นำ คสช.และรัฐบาล ให้เป็นผู้นำหลังการเลือกตั้ง  ความจริงไม่เป็นเหตุเป็นผลอะไรเลย เมื่อจะมีการเลือกตั้งต้องเปิดให้พรรคการเมืองพูดคุยกับประชาชน ให้ประชาชนสามารถวิจารณ์สิ่งที่พรรคการเมืองทำอยู่ได้ รวมทั้งวิจารณ์สิ่งที่รัฐบาลและ คสช.ทำอยู่ได้ ไม่ใช่ห้ามสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แล้วบอกว่าเมื่อประกาศวันเลือกตั้งชัดเจนแล้วค่อยไปทำกัน ซึ่งไม่มีใครทำแบบนี้ในโลก และคำอ้างที่ว่าทำให้เกิดความเท่าเทียมของพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องหลอกลวง มีพรรคการเมืองหลายสิบปีมาแล้ว เมื่อมีการเลือกตั้งใครจะตั้งพรรคใหม่ก็ทำได้ และไม่จำเป็นต้องบอกว่าต้องรอให้พรรคการเมืองใหม่มีความพร้อมเท่ากับพรรคการเมืองเดิมแล้วค่อยมาสื่อสารประชาชน ไม่มีที่ไหนในโลกที่มีกติกาแบบนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นเลือกตั้งใหม่มีพรรคการเมืองใหม่ที   ต้องให้พรรคการเมืองเดิมหยุดรอพรรคการเมืองใหม่ก่อน  คำสั่งที่ออกมาอาจต้องการเอื้อให้กับบางพรรคการเมืองที่สนับสนุน คสช.แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงต้องการสร้างความได้เปรียบให้กับ คสช.และรัฐบาลที่ต้องการจะเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งมากกว่าอย่างอื่น”

 

 

matemnews.com 

15 กันยายน 2561