Home ข่าวทั่วไปรอบวัน รัฐบาลไม่ควรสร้างความอับอายซ้ำสองให้ประเทศไทย

รัฐบาลไม่ควรสร้างความอับอายซ้ำสองให้ประเทศไทย

766
0
SHARE

 

 

เฟชบุ้ค หมวดเจี๊ยบ Sunisa Divakorndamrong

 

รัฐบาลไม่ควรสร้างความอับอายซ้ำสองให้ประเทศไทย โดยการพูดโกหกเพื่อเอาตัวรอด จากการทีติดโผเป็น 1 ใน 38 ประเทศที่มีพฤติกรรมคุกคามนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน

 

ทั้งนี้ โฆษกรัฐบาลกำลังพูดบิดเบือนให้คนไทยเข้าใจว่าการประณามดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับองค์การสหประชาชาติ หรือ UN โดยตรง ทั้งยังอ้างว่าประเทศไทยไม่ได้โดน UN ขึ้นแบล็คลิสต์อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ ในความเป็นจริง คนที่ออกมาเปิดเผยรายงานประจำปีฉบับนี้ คือ นาย แอนโตนิโอ กูเตอร์เรซ ซึ่งเป็นเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งได้นำเสนอรายงานประจำปีดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วยตัวเอง ณ ที่ทำการใหญ่องค์การสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา

 

การที่ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายประจำของยูเอ็นเป็นคนออกมาพูดเรื่องนี้ แล้วมันจะไม่เกี่ยวกับยูเอ็นได้อย่างไร

 

การที่โฆษกรัฐบาลอ้างว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ หรือ UNHRC เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของยูเอ็นโดยตรง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะต้องการลดความน่าเชื่อถือของรายงานชิ้นดังกล่าว หรือเป็นเพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่ององค์กรระหว่างประเทศกันแน่ อยากถามโฆษกรัฐบาลว่าท่านไม่รู้จริง ๆ หรือ แกล้งโง่

 

นอกจากนี้ การอ้างว่ามีอีกตั้ง 30 กว่าประเทศที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่ประเทศไทยเท่านั้น จัดเป็นความคิดแบบคนขี้แพ้ ไม่ใช่วิธีคิดแบบผู้ชนะหรือผู้ที่เจริญแล้ว

 

ทั้งนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ ย่อมต้องหาวิธียกระดับประเทศไทยให้มีมาตรฐานสูงขึ้นในทุกด้าน ผู้นำที่ดีต้องคิดแบบนี้ประเทศจึงจะก้าวหน้า ไม่ใช่ตั้งเป้าหมายของประเทศไว้จนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

 

ส่วนข้ออ้างที่ว่ารัฐบาลไม่เคยละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาชน มีแต่ช่วยดูแลความปลอดภัยให้นั้น ก็ฟังไม่ขึ้น พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะเห็น ๆ กันอยู่ว่าตลอดระยะเวลา 4-5 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ส่งทหารไปคุกคามนักเคลื่อนไหว นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม สื่อมวลชน นักวิชาการและประชาชนที่คิดต่างถึงที่บ้านอยู่ตลอดเวลา

 

แบบนี้มันไม่ใช่การส่งคนไปคุ้มครอง แต่เป็นการคุกคามและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนชัด ๆ

 

แม้แต่ตัวเจี๊ยบเองก็ยังโดน จึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่ามีการคุกคามเกิดขึ้น

 

ดังนั้น สิ่งที่ปรากฏในรายงานของยูเอ็น จึงเป็นการพูดเรื่องจริงบนพื้นฐานของข้อมูลที่ตรวจสอบได้

 

ทั้งนี้ เลขาธิการยูเอ็น ระบุว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็น 1 ใน 38 ประเทศที่มักจะดำเนินคดีนักเคลื่อนไหวทางสังคมโดยกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย และเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติโดยอ้างว่าพวกเขาจับมือกับคนในต่างแดนเพื่อเคลื่อนไหว แต่ UN มองว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ เป็นเพียงข้ออ้างของรัฐบาลและเป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย

 

จะเห็นว่ารายงานของ UN ไม่ได้ค้านสายตาของคนไทยส่วนใหญ่ มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่ยังไม่ยอมรับความจริง ทั้งยังเอาแต่แก้ตัวโดยใช้คำโกหก ไม่ได้คิดจะแก้ไขปรับปรุงตัว ซึ่งจะยิ่งลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ บนเวทีโลก

 

ดังนั้น รัฐบาลก็อย่าไปโทษสื่อมวลชนหรือประชาขนที่สนใจข่าวนี้ ว่าทำลายชื่อเสียงของประเทศ

 

เพราะคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายตัวจริง คือ รัฐบาลนั่นเองไม่ใช่ใครอื่น

 

และอย่ามาแสดงอาการหงุดหงิด ที่คนไทยไม่เชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาล เพราะการที่งานพีอาร์ของรัฐบาลไม่ได้ผลนั้น ก็เป็นเพราะรัฐบาลทำงานไม่เข้าตาประชาชนและไม่ได้มีผลงานเป็นรูปธรรม ก็ต้องโทษตัวเอง

 

ขณะนี้ รัฐบาลกำลังทำหน้าที่เป็นนักแสดงบนเวที ในเมื่อแสดงไม่ได้เรื่องเอง ก็อย่าไปโทษคนดูเลย เพราะมันน่าละอาย.

 

matemnews.com 

15 กันยายน 2561