นพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ได้ประกอบพิธีรับมอบของกลางกัญชา จาก พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง รองผบ.ช.ปส. ที่องค์การเภสัชกรรม เมื่อตอนเช้าวันที่ 25 ก.ย.2561 แล้วแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ว่า
“วันนี้ อภ.ได้รับมอบของกลางกัญชามาทั้งหมด 100 กิโลกรัม เพื่อหาสารสกัดสำคัญทั้งทีเอชซี (THC) ซึ่งเป็นสารที่กล่อมประสาท และซีบีดี (CBD) สำหรับรักษากลุ่มโรคลมชัก โดยจะหาปริมาณสารสำคัญ และการปนเปื้อนสิ่งต่างๆ อาทิ โลหะหนัก ยาฆ่าแมลงเป็นต้น วางเป้าหมายว่าจะต้องได้เป็นน้ำมันหยอดใต้ลิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ ในจำนวนของกลางที่รับมานั้นคาดว่าจะสามารถสกัดน้ำมันกัญชาได้ประมาณ 18,000 ขวด ขวดละ 5 ซีซี จากข้อมูลวิชาการทั่วโลกพบว่ามีการใช้กัญชาทางการแพทย์ที่ชัดเจนอยู่ 4 กลุ่มโรค คือ 1. รักษาอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ให้คีโม 2. โรคลมชักในเด็ก 3. ปลอกประสาทอักเสบ และ 4. ปวดอื่นๆ ที่เดิมทีต้องใช้มอร์ฟีนในการบรรเทาอาการปวด
ส่วนข้อเสนอเพื่อการรักษาโรคอื่นๆ เช่น อัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน ก็จะศึกษาไปพร้อมกัน รวมถึงการใช้ในการแพทย์แผนไทยที่มีกว่า 100 ตำรับก็อาจจะต้องรอกฎหมายปลดล็อคก่อน
อภ.มีแนวคิดศึกษาพัฒนาสายพันธุ์กัญชาให้มีคุณภาพ มีการปรับปรุงพื้นที่ภายในอภ.เพาะปลูกกัญชา 2 สายพันธุ์ ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมเดินหน้าต่อในระดับอุตสาหกรรม ตั้งความหวังว่ากฎหมายจะสามารถปลดล็อคให้ใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคทางการแพทย์ได้ภายในปี 2562 หรืออย่างช้าที่สุด คือ เลื่อนไปอีก 3 เดือน ขณะนี้กฎหมายอยู่ที่การหารือของสนช. และทางปปส.ก็มีการพูดถึงการใช้ม.44 มาปลดล็อคเรื่องนี้
พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง รองผบ.ช.ปส. กล่าวแถลงข่าวว่า แต่ละปีมีการจับกุมกัญชาได้ประมาณ 7 ตัน บางปีจับที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศได้มากถึง 20 ตัน ที่ผ่านมาถูกมองเป็นขยะ รอเวลาเผาทำลาย มหาวิทยาลัยรังสิต กับมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ขอของกลางไปทำการศึกษาวิจับ แต่เป็นเพราะกัญชาเก็บไว้นานเลยไม่ค่อยม่คุณภาพเท่าที่ควร ดังนั้นครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่นำกัญชาของกลางที่เพิ่งจับกุมได้ ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพ ราคาสูงนำเข้าจากต่างประเทศ ส่งมอบให้ อภ.ทำการศึกษาวิจัยทางการแพทย์
ผศ.ดร.วิเชียร กีรตินิจกาล กล่าวแถลงข่าวว่า ของกลางที่นำมาวันนี้มี 3 กลุ่ม คือ ห่อฟอยล์สีทอง ห่อพลาสติก เป็นกัญชาสายพันธุ์ไทย แต่ไปปลูกที่ประเทศลาว และอีกกลุ่มคือดอกกัญชา เป็นของกลางที่นำเข้าจากต่างประเทศเช่นกัน กัญชาสายพันธุ์ไทยนับว่ามีชื่อเสียง มีสาระสำคัญในปริมาณมาก ทั่วโลกขณะนี้กัญชาถือว่ามาแรงมาก แคนาดากำลังจะประกาศให้สูบเพื่อความเพลิดเพลินได้ทั่วประเทศ ขณะที่ประเทศออสเตรเลียมาทีหลังแต่พยายามผลักดันกฎหมาย โดยตั้งเป้าเป็นประเทศอันดับหนึ่งในการส่งออกยาจากกัญชา ตีมูลค่าประมาณ 4.6 ล้านล้านบาท สูงกว่ามูลค่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยถึง 3 เท่า ก็ต้องยอมรับว่าเราหลีกเลี่ยงการใช้ยาจากกัญชาไม่ได้ หากต้องนำเข้ามาจะมีราคาแพงมาก น้ำมันกัญชา 1 ซีซี หรือ 5 หยด จะมีราคา 1 พันบาท แต่ถ้าอภ.ปลูกและพัฒนาเองจะทำให้ได้ยาจากกัญชาในราครที่ถูกลง อนาคตก็อาจจะต้องปรับปรุงพันธุ์ที่สามารถปลูกได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อมเปิด ไม่อยากให้ไปนึกถึงว่ากัญชาที่ดีต้องเป็นที่อีสานเท่านั้น เพราะจริงๆ กัญชาไทยเป็นสายพันธุ์ปลูกได้ทุกที่ ต่างประเทศเองยังสามารถเอาสายพันธุ์ไทยไปปลูก และสกัดสารสำคัญได้ในปริมาณมากออกมาได้ ขณะที่องค์การอนาทัยโลกประกาศว่า มีแนวโน้มสูงที่จะนำกัญชามารักษาโรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์ได้
matemnews.com
25 กันยายน 2561