เมื่อไม่นานนี้ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (Zhejiang University) วิทยาเขตจื่อจินก่างทางจีนตะวันออก ได้ปฏิรูปหลักสูตรวิชาพลศึกษาของนักศึกษาระดับปริญญาตรี โดยปรับเพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนจาก 36 ชั่วโมงเป็น 54 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษา
มหาวิทยาลัยฯ ยังระบุให้นักศึกษาวิ่ง 48 ครั้งต่อภาคการศึกษา แต่ละครั้งมีระยะทางอย่างน้อย 3.5 กิโลเมตรสำหรับผู้ชายและ 2.5 กิโลเมตรสำหรับผู้หญิง เพื่อรับคะแนนเต็มในส่วนการประเมินผลนอกชั้นเรียน ซึ่งถูกเพิ่มสัดส่วนจาก 10 เป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนทั้งหมด
นั่นหมายความว่าแต่ละภาคการศึกษา นักศึกษาชายต้องวิ่ง 168 กิโลเมตร และนักศึกษาหญิงต้องวิ่ง 120 กิโลเมตร โดยนักศึกษาต้องอัปโหลดรูปภาพเข้าสู่แอปพลิเคชั่นพิเศษ เพื่อบันทึกเวลาเมื่อสิ้นสุดการวิ่งเป็นหลักฐานป้องกันการคดโกง
นายอู๋ เย่ห่าย ผู้อำนวยการสาขาวิชาศิลปะและพลศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ เผยว่ามหาวิทยาลัยคาดหวังให้นักศึกษาบ่มเพาะนิสัยรักการออกกำลังกาย ทำให้กีฬาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยหวังให้นักศึกษา 60-70 เปอร์เซ็นต์ยังคงออกกำลังกายต่อไปหลังจากเรียนจบ
นอกจากนั้นมหาวิทยาลัยฯ ยังกำหนดให้นักศึกษาทุกคนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาภายในอย่างน้อยหนึ่งรายการจากการแข่งขันรายการต่างๆ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกสัปดาห์
รายงานระบุว่าราวหนึ่งสัปดาห์หลังจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงดำเนินแผนการปฏิรูปหลักสูตรวิชาพลศึกษาดังกล่าว ก็พบนักศึกษาชายหญิงจำนวนมากออกมาวิ่งออกกำลังกายอยู่เต็มสนามกีฬาของมหาวิทยาลัย
นักศึกษาหญิงแซ่หนีคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้วิ่งออกกำลังกายมากนัก เผยว่าการวิ่ง 2.5 กิโลเมตรกลับไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่เคยคิด โดยเธอเสริมว่า “หลังจากวิ่งจนชิน ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ข้อมูลโดย China Xinhua News