“เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 สิงหาคม ผมได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการส่วนพระองค์ โดยเป็นการถวายรายงานการทำงานของรัฐบาลตามห้วงระยะเวลา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้งภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงรับสั่งให้ช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ ด้วยความรวดเร็วและทั่วถึง ลดภาระการซ้ำซ้อน สิ่งใดที่สถาบันจะช่วยได้ก็จะทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาให้อย่างที่ทรงทำในปัจจุบัน นอกจากนี้ทรงรับสั่งให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นแต่ละพื้นที่ หากยังไม่สามารถดำเนินการภาพรวมใหญ่ๆ ทั้งหมดได้ ก็ให้ทยอยดำเนินการไป ผมได้กราบบังคมทูลอธิบายถวายให้ทรงทราบแล้วว่า รัฐบาลกำลังมีโครงการต่าง ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช ที่ทรงริเริ่มไว้มาหลาย 10 ปี ซึ่งบางโครงการก็ยังไม่สำเร็จ หรือยังไม่ครบ โดยปัญหาไม่ได้อยู่ที่การทำ แต่อยู่ที่ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในที่ดิน หรือพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งในวันที่ 9 สิงหาคม ผมจะหารือกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำในเรื่องดังกล่าวว่า จะต้องทำอะไรให้เกิดขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ซึ่งอาจจะต้องมีการเวนคืนที่ดินกันหรือไม่ หรือจำเป็นต้องเช่าพื้นที่เอกชนเพื่อเก็บกักน้ำให้ได้อย่างแท้จริง วันนี้ถ้าเราปล่อยให้น้ำท่วม ถึงเวลาก็ไปเยียวยาก็ต้องไปดูในภาพรวมว่าในพื้นที่ดังกล่าวประชาชนมีรายได้อย่างไร ปลูกพืชปีละกี่ครั้ง และปริมาณน้ำท่วมเท่าไร ก็จะต้องไปหารือว่าจะใช้เป็นพื้นที่เก็บน้ำเลยได้หรือไม่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งอีกว่า ขอให้ทำเพื่อประเทศชาติ และทำให้ประชาชนมีความสุข ได้ทรงย้ำเสมอ ทั้งเรื่องการช่วยเหลือ การบรรเทา การจัดระเบียบ การสร้างวินัย สร้างอุดมการณ์ ทรงรับสั่งว่าให้ทำทุกมาตรการอย่างต่อเนื่อง ทรงรับสั่งให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทย และทรงรับสั่งถึงภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ภัยคุกคามในรูปแบบเก่า อธิปไตย ซึ่งวันนี้ก็น้อย มีเฉพาะเรื่องของการรักษาทรัพยากรทั้งบนทะเล แผ่นดิน และผืนน้ำ ที่เป็นอาณาเขตของประเทศไทย นอกจากนี้ยังทรงรับสั่งให้ช่วยกันส่งเสริมงานจิตอาสา ผมได้สั่งการในที่ประชุมครม.วันนี้ โดยนำแนวกระแสรับสั่งให้กระทรวงมหาดไทยไปจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครขึ้นมาในการดูแลพื้นที่ ดูแลความมั่นคง และในกิจการต่าง ๆ ลักษณะเป็นจิตอาสา หรือทำกิจการสาธารณะ เพราะบางอย่างถ้ารอข้าราชการทำฝ่ายเดียวไม่ทัน ขณะที่ข้าราชการทุกหมู่เหล่า หรือส่วนราชการ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการฝ่ายใดก็ตาม ขอให้ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง เป็นแม่แบบให้กับประชาชน ให้เกิดความเคารพศรัทธา และเชื่อมั่นในการทำงาน ลดผลกระทบระหว่างกันให้ได้ในการบังคับใช้กฎหมาย เรื่องสำคัญที่สุด คือ ทรงเสียใจในการสูญเสียพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช และคนไทยทั้งประเทศก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่เองก็ทรงได้รับการสั่งสอนจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ด้วย ฉะนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องแก้ไข เพราะท่านทรงตรัสว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่สมเด็จพ่อได้ทรงทำไว้ ขณะเดียวกันก็ทรงให้นึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ในรัชกาลที่ 9 ด้วย โดยขอให้นำแนวทางพระราชดำริของทั้งสองพระองค์ไปขับเคลื่อน สิ่งเหล่านี้ ผมได้นำความต่าง ๆ มาให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบ เพื่อสนองแนวพระราโชบาย สนองพระกระแสรับสั่ง ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และโชคดีที่ประเทศไทยมีพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ทรงสืบสานต่อพระราชปณิธานของรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ต่อไป ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันรักษาและขอให้ใช้การสูญเสียในครั้งนี้ไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไปในสิ่งที่ดีกว่าเดิม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวข้างต้นในการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมครม. 8 ส.ค.2560
Matemnews.com 8 สิงหาคม 2560