Home ข่าวทั่วไปรอบวัน อ่านคำพิพากษาคดีดาบยุทธ์แก๊งนกฮูกค้ากามเด็กน้ำเพียงดินจำคุก 309 ปี

อ่านคำพิพากษาคดีดาบยุทธ์แก๊งนกฮูกค้ากามเด็กน้ำเพียงดินจำคุก 309 ปี

1992
0
SHARE

 

 

ศาลออกนั่งบัลลังค์ห้องพิจารณาคดี 805 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  กรุงเทพฯ  เมื่อตอนเช้าวันที่ 18 ต.ค.2561  อ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์  คดีเลขที่ คม.72/2560 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

 

น.ส.ปิยะวรรณ หรือเมย์ สุขมา อายุ 27 ปี

 

น.ส.ปิยทัศน์ หรือฟ้า ภาพเทียนสุวรรณ อายุ 31 ปี

 

ด.ต.ยุทธชัย ทองชาติ  หรือดาบยุทธ อดีตผบ.หมู่ สภ.น้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน อายุ 43 ปี

 

น.ส.กัลยา หรือจอย วุฒิคุณ อายุ 41 ปี

 

เป็นจำเลยฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ ,ร่วมกันเป็นธุระจัดหาพาเด็กอายุเกินกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อกระทำการค้าประเวณี โดยข่มขู่ ฉ้อฉล หลอกลวง โดยมีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น และเพื่อการอนาจาร ,ร่วมกันพรากเด็กผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2539 มาตรา 4,9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91,282,283,317,318 จำเลยให้การปฏิเสธ

 

อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า  เมื่อระหว่างวันที่ 1 ม.ค.2555 – วันที่ 6 พ.ย.2559 จำเลยที่ 1,2,3 ได้ร่วมกันพา น.ส.น้ำทิพย์ นามสมมุติ อายุ 16 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจาก น.ส.น้ำเพชร สงวนนามสกุล ซึ่งเป็นมารดาและผู้ปกครอง โดยน.ส.น้ำทิพย์ ซึ่งขณะเกิดเหตุอายุ 16 ปี เศษ และไม่เต็มใจไปด้วย จากนั้นจึงส่งไปยังโรงแรมปางล้อวิลล่า ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อให้ผู้เสียหายค้าประเวณีกับลูกค้า โดยได้เงินจากลูกค้าครั้งละ 2,000 บาท  ผู้เสียหายจะได้ส่วนแบ่งครั้งละ 1,000 บาท นอกจากนี้ยังพาน.ส.น้ำทิพย์ นามสมมุติ ไปค้าประเวณีตอนอายุ 17 ปีเศษ อีกหลายครั้งหลายหน

 

ก่อนถึงเวลาศาลนัด  เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 4 คนมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง  มาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานที่เป็นผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความสอดคล้องตรงกัน มีน้ำหนักมั่นคงเชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดจริง ขณะที่ข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นคำกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้

 

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1,2,3 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 9 วรรคสอง มาตรา 10 วรรคหนึ่งและวรรคสอง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2551มาตรา 13 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282,283 ,318

 

โดยจำเลยที่ 3 เป็นข้าราชการต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานค้ามนุษย์

 

ส่วน จำเลยที่ 4 มีความผิด ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2551 มาตรา 52 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2539 มาตรา 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282

 

การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำเลยที่ 1,2,3 ผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปโดยกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปีซึ่งเป็นบทหนักสุด 10 กระทง จำคุกจำเลยที่ 1-2 กระทงละ 12 ปี รวมจำคุกคนละ 120 ปี

 

จำคุกจำเลยที่ 3  ดาบยุทธ กระทงละ 24 ปี  รวมจำคุก 120 ปี ,

 

ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป โดยกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี 1 กระทง จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 6 ปี และจำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 12 ปี , ฐานร่วมกันเป็นธุระจุดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามซึ่งเป็นบทหนักสุด 13 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำเลยที่ 1,2,3 จำคุกคนละ 39 ปี,ฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน18 ปี ไปเสียจากบิดามารดา 3 กระทง จำคุกกระทงละ 6 ปี จำคุกจำเลยที่1,2,3 คนละ 18 ปี รวมจำเลยที่ 1,2 จำคุกทั้งสิ้น 183 ปี

 

จำเลยที่ 3 ดาบยุทธ จำคุกทั้งสิ้น 309 ปี

 

ส่วนจำเลยที่ 4 ผิดฐานค้ามนุษย์ซึ่งกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งเป็นบทหนักสุด 2 กระทง จำคุกกระทงละ 12 ปี รวมจำคุก 24 ปี ,ฐานค้ามนุษย์ซึ่งกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี 3 กระทง จำคุกกระทงละ 8 ปี รวมจำคุก 24 ปี ,ฐานเป็นธุระจัดหา พาไปเพื่อค้าประเวณี 1 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี , ฐานพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา จำคุก 8 ปี,ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา จำคุก 8 ปี ,ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดามาราด จำคุก 6 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 4 ทั้งสิ้น 65 ปี

 

การที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1,2,3 และจำเลยที่ 4 ในคดีนี้ต่อจากคดีหมายเลขดำคม.42/2560 ของศาลนี้นั้น ปรากฏว่าคดีนี้กับคดีดังกล่าวมีลักษณะการกระทำความผิดอย่างเดียวกัน  เกี่ยวพันกัน  ศาลมิอาจรวมพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกัน จำเลยและผู้เสียหายเป็นบุคคลเดียวกัน ซึ่งโจทก์อาจฟ้องคดีทั้งสองสำนวนเป็นคดีเดียวกันได้  แต่ปรากฏว่าโจทก์แยกฟ้องคดีนี้กับคดีก่อน  เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1,2,3 ทุกกรรมให้จำคุกมีกำหนด 50 ปี เต็มตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91 (3) ในคดีก่อนแล้ว กรณีจึงไม่อาจนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ,2,3 ต่อจากคดีก่อนได้

 

แต่ในส่วนของจำเลยที่ 4 ถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีหมายเลขดำที่ คม.42/2560 มีกำหนด 38 ปี ยังไม่เต็มตามที่กำหนดไว้ จึงให้นับโทษของจำเลยที่ 4 ต่อจากโทษจำคุกในคดีดังกล่าวจนเต็ม 50 ปี

 

ให้จำเลยที่ 1,2,3 ร่วมกันชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย จำนวน 850,000 บาท

 

ให้จำเลยที่ 4 ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย จำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5ต่อปี

 

matemnews.com

18 ตุลาคม 2561