Home ข่าวทั่วไปรอบวัน มหาเธร์ยินดีอย่างยิ่งที่จะสร้างมิตรภาพกับพลเอกประยุทธ์

มหาเธร์ยินดีอย่างยิ่งที่จะสร้างมิตรภาพกับพลเอกประยุทธ์

580
0
SHARE

 

 

นายโมฮัมเหม็ด มาเธร์ นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย พร้อมภิริยา และคณะเดินทางด้วยเครื่องบินพิเศษ มาลงที่สนามบินบน.6 กองทัพอากาศ ดอนเมือง เมื่อบ่าย 24 ต.ค.2561 ในการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการนับนับแต่เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 หลังจากนั้นเวลา 17 น.มาถึงทมำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมภริยา และคณะรัฐมนตรีให้การต้อนรับ นำเดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ และเริ่มการเจรจาทวิภาคี แล้วแถลงข่าวร่วมในตึกสันติไทตรี หลังใน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเริ่มว่า

“ในนามรัฐบาลไทย ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับนายมหาเธร์ และภริยา ซึ่งถือเป็นรัฐบุรุษ และเป็นผู้นำอาวุโสของภูมิภาคและของโลก   มีผลงานและคุณูปการมากมายในการพัฒนามาเลเซีย รวมถึงสร้างสัมพันธภาพระหว่างไทยกับมาเลเซีย  ได้มีการหารือเกี่ยวกับแนวทางและประเด็นในการสร้างทศวรรษใหม่แห่งความสัมพันธ์ ระหว่างกัน อีกทั้งในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ไทยและมาเลเซียต้องร่วมมือกันสร้างเสถียรภาพความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน รวมถึงขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ร่วมมือกันผลักดันความร่วมมือในกรอบอาเซียน  ได้หารือกันค่อนข้างลงลึกใน 3 ประเด็น ได้แก่

 

1 การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ และความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยตนได้เล่าถึงนโยบายของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยฝ่ายไทยถือว่าจังหวัดชายแดนใต้เป็นปัญหาภายใน แต่ขณะเดียวกันความร่วมมือจากต่างประเทศจะทําให้การแก้ไขปัญหาทำได้ง่ายขึ้น  ผมได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เกี่ยวกับกระบวนการพูดคุยที่ฝ่ายมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกอย่างตรงไปตรงมา   การพูดคุยจะดำเนินการต่อไป  โดยมีมาเลเซียเป็นผู้ประสานงานและทุกอย่างจะอยู่บนพื้นฐาน และกรอบของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จะขยายความร่วมมือการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน การพัฒนาเศรษฐกิจและประเด็นความมั่นคงในภาพใหญ่ โดยเฉพาะการต่อต้านการก่อการร้าย   แนวคิดสุดโต่ง การป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติยาเสพติดและการค้ามนุษย์

  1. การพัฒนาเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงตามแนวชายแดน ผมได้เสนอให้ทั้งสองประเทศยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจขึ้นเป็น หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่เข้มข้น

 

  1. ความร่วมมือในกรอบอาเซียน โดยเฉพาะในปีหน้าที่ไทยจะทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนจึงมีเป้าหมาย ก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และประเทศสมาชิกก้าวไปพร้อมกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไทยและมาเลเซียจะทำงานอย่างใกล้ชิดในทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความสงบสุขมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมีฐานะที่มั่นคงและยั่งยืน รวมทั้งมีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ซ จะเป็นรากฐานสำคัญของการมีเสถียรภาพความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน”

 

จากนั้นนายมหาเธร์ กล่าวว่า

“ในการเยือนไทย เพราะอยากสร้างความคุ้นเคยกับอาเซียน หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี  ต้องขอขอบคุณนายกฯและรัฐบาลไทยสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น และการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา  เราไม่มีปัญหาระหว่างกัน และเรามีประวัติศาสตร์ความร่วมมือในอดีต  มาเลเซียเคยมีปัญหา  และไทยได้ให้การสนับสนุนเพื่อยุติปัญหาดังกล่าว  ก็ขอขอบคุณไทยในด้านนี้  ปัจจุบันไทยมีปัญหาชายแดนใต้ เราก็ยินดีที่จะช่วยไทยในทุกด้านเพื่อแก้ไขความรุนแรง และผมก็มั่นใจว่า  ความร่วมมือของสองประเทศจะทำให้สามารถแก้ไขและลดปัญหานี้ได้ และเห็นว่าการแสดงมิตรภาพไม่ใช่แค่การพูดคุย แต่ต้องเป็นการปฏิบัติอย่างแท้จริงในฐานะมิตรที่ใกล้ชิด นอกจากนี้ในส่วนของการค้าระหว่างไทย-มาเลเซียใน ปี 2018 มีมูลค่าสูงขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ มูลการค้า 14,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เราสามารถเพิ่มมูลค้าการค้าได้  เมื่อแก้ด่านศุลกากร ที่ปัจจุบัน มีจุดผ่านแดน 4 ด่าน ที่รัฐกลันตัน 2 ด่าน และรัฐเคดาห์ และรัฐเปอร์ลิส ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างลังกาวีและสตูล  มีการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว  ความร่วมมือดังกล่าวจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองของสองประเทศ เราควรพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกการไปมาหาสู่ของประชาชนทั้งสองฝ่าย เพื่อที่จะบรรลุตามเป้าหมายนี้ โดยเราจะเปิดด่านศุลกากร 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งสินค้า และเราจะมีการสร้างสะพาน 2 สะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่เชื่อมกับรัฐกลันตัน ปัจจุบันมีปัญหาเส้นทางถนน เชื่อว่าแก้ไขปัญหานี้ได้ และเราพร้อมที่จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ที่มีอุปสรรค ในทุกทางที่เป็นไปได้ อย่างกรณีประชาชนถือสองสัญชาติ ต้องมีความพยายามแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดการค้ามนุษย์และการขนส่งสินค้าที่ผิดกฎหมาย  เราเห็นว่า ประชาคมอาเซียนมีความแข็งแกร่ง มีประชากรกว่า 600 ล้านคน และด้วยความต้องการทางทรัพยากรต่างๆอาเซียนควรเป็นตลาดภายในของทุกประเทศ โดยเราจะหารือประเด็นดังกล่าวในการพูดคุยอาเซียนครั้งต่อไป เชื่อว่าในความพยายามจะบรรลุเป้าหมาย ด้วยการที่ผู้นำควรร่วมกันหารือบ่อยครั้ง และในระดับผู้แทนควรจะหารือเพื่อแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆระหว่างกัน เชื่อว่าเราจะสามารถยกระดับกระบวนการต่างๆในการข้ามพรมแดน ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะสร้างมิตรภาพกับพล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่าผู้นำที่มีความใกล้ชิดระหว่างกันจะช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ”

 

matemnews.com 

24 ตุลาคม 2561