Home ข่าวทั่วไปรอบวัน ตัดสินจำคุก 2 ปี 21 เดือน “เสก โลโซ” ไม่รอลงอาญา

ตัดสินจำคุก 2 ปี 21 เดือน “เสก โลโซ” ไม่รอลงอาญา

781
0
SHARE

 

 

ผู้พิพากษาศาลจังหวัดมีนบุรี ตั้งอยู่ที่สีหบุรานุกิจ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ กรุงเทพฯ ออกนั่งบัลลังค์ห้องพิจารณา 301 เมื่อตอนเช้าวันที่ 25 ต.ค.2561 อ่านพิพากษา คดีหมายเลขดำ 1662/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 12 (มีนบุรี) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย” หรือเสก โลโซ เป็นจำเลย ในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 , เสพยาเสพติด และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 ฯ โดย “เสก โลโซ” จำเลย มาศาลพร้อมน้องอีฟ ภรรยา

 

คดีนี้  เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2560 เวลาประมาณ 18.00 น. จำเลยได้มีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนออโตเมติกอีกจำนวน 6 นัด และจำเลยเสพเมทเอมเฟตามีน กับเสพ 3,4 เมทิลลีนไดออกซีเมทเอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้าสู่ร่างกาย   จำนวนและน้ำหนักเท่าใดไม่ปรากฏชัด  โดยจำเลยได้ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ ด้วย เหตุเกิดที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.

 

ชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ  ในข้อหาตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของอัยการแล้ว มีนายตำรวจเบิกความยืนยันถึงขั้นตอนขอออกหมายค้น และการแสดงหมายค้นของศาลจังหวัดมีน กับหมายจับคดีอาวุธปืนฯของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว  แต่จำเลยซุกตัวภายในบ้านพร้อมกับถืออาวุธปืนที่พร้อมยิงตลอดเวลา  โดยไม่ยอมออกมาพบนายตำรวจอย่างง่ายดาย และผลการตรวจปัสสาวะยังพบว่าปัสสาวะของจำเลยมีสารเสพติดด้วย   เกิดจากการนำสารเสพติดเข้าไปในตัวของจำเลยด้วยวิธีเสพ  ไม่ใช่การใช้ยาทั่วไปที่มีสารเสพติดผสม

 

จึงพิพากษาว่า   การกระทำของจำเลยเป็นความผิดทั้ง 3 ข้อหา

 

ให้จำคุก ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 1 ปี รับสารภาพลดโทษเหลือ 6 เดือน ,

 

ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน

 

ฐานเสพยาฯ จำคุกอีก 6 เดือน

 

รวมจำคุกคดีนี้ทั้งสิ้น เป็น 1 ปี 18 เดือน

 

ให้บวกโทษของศาลอาญาคดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิทอดีตภรรยาอีก 1 ปี 3 เดือน

 

เป็นจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือน

 

ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย

 

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า ขณะที่จำเลย อ้างป่วยเป็นโรคไบโพล่าขณะกระทำผิดนั้น  ศาลเห็นว่าจากพฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่พบว่า  จำเลยรู้ผิดชอบดี จึงไม่อาจอ้างภาวะป่วยดังกล่าวได้  การกระทำของจำเลยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย   ศาลเคยให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีในการรอลงอาญาคดีอื่นไว้แล้ว  แต่จำเลยยังมากระทำผิดซ้ำในช่วงเวลารอลงอาญาอีก จึงไม่สมควรให้รอลงอาญา

จากนั้นทนายความยื่านคำร้องขอประกันปล่อยตัวชั่วคราวในวงเงิน 5 แสนบาท  ศาลอนุญาตให้ประกันตัวได้

 

 

matemnews.com 

25 ตุลาคม 2561