คณะนักวิจัยสหราชอาณาจักรเปิดเผยว่าสัตว์เลี้ยงแสนรู้อย่างสุนัข ซึ่งสามารถถูกฝึกฝนให้ดมกลิ่นหาโรคมะเร็ง ดมกลิ่นน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เสี่ยงชักหรือหมดสติ ยังอาจสามารถดมกลิ่นหาโรคมาลาเรียในเด็กได้อีกด้วย
การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ซึ่งถูกนำเสนอ ณ ที่ประชุมประจำปีของสมาคมเวชศาสตร์เขตร้อนและสุขภาวะอเมริกัน (ASTMH) ในเมืองนิวออร์ลีนส์ ระบุว่าสุนัขสามารถดมกลิ่นปรสิตมาลาเรียจากถุงเท้าของเด็กแอฟริกันที่ป่วยเป็นโรคมาลาเรียแต่ไม่แสดงอาการ
“ความก้าวหน้าในการควบคุมโรคมาลาเรียได้ชะงักงันมานานหลายปี เราจึงจำเป็นต้องสรรหาเครื่องมือใหม่มาช่วยต่อสู้กับโรคมาลาเรีย” เจมส์ โลแกน หัวหน้าแผนกการควบคุมโรคของสถาบันเวชศาสตร์เขตร้อนและสุขภาวะลอนดอน (LSHTM) กล่าว
“ผลการวิจัยของเราพบว่าสุนัขดมกลิ่นอาจเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมในการวินิจฉัยโรคมาลาเรียในผู้ป่วยที่ไม่มีการแสดงอาการของโรคออกมาแต่ยังคงมีการติดเชื้อซ่อนอยู่ได้รวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น” โลแกนซึ่งเป็นผู้ร่วมวิจัยกล่าว
รายงานระบุว่ามีการทดสอบให้สุนัขดมกลิ่นถุงเท้าตัวอย่าง จำนวน 175 คู่ แบ่งเป็นถุงเท้าของเด็กจากประเทศแกมเบียที่ตรวจพบโรคมาลาเรีย 30 คู่ และถุงเท้าของเด็กที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคมาลาเรีย 145 คู่
ผลการทดสอบพบว่าสุนัขสามารถบ่งชี้ถุงเท้าของเด็กที่ป่วยเป็นโรคมาลาเรียได้ถูกต้อง 70 เปอร์เซ็นต์ และสามารถบ่งชี้ถุงเท้าของเด็กที่ป่วยแต่ไม่มีปรสิตมาลาเรียได้ถูกต้อง 90 เปอร์เซ็นต์
สตีฟ ลินด์เซย์ นักวิจัยหลักซึ่งเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยเดอร์แฮม (Durham University) กล่าวว่าผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็น “ระดับความถูกต้องอันน่าเหลือเชื่อ”
อย่างไรก็ดี ลินด์เซย์เสริมว่าแม้ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มอีก แต่ผู้เชี่ยวชาญหวังว่าการค้นพบครั้งนี้จะนำไปสู่ “วิธีตรวจหาโรคแบบไม่ต้องสอดใส่เครื่องมือเข้าไปในร่างกาย ณ ท่าเรือหรือท่าอากาศยาน แบบเดียวกับสุนัขดมกลิ่นหาผักผลไม้หรือยาเสพติด”
“การค้นพบนี้อาจช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคมาลาเรียสู่ประเทศต่างๆ ที่ปลอดโรคมาลาเรีย และช่วยประชาชนจำนวนมากที่ไม่ได้พึงระวังว่าพวกเขาอาจติดเชื้อมาลาเรียได้รับยารักษาโรคทันท่วงที”
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโรค (WHO) ระบุว่าโรคมาลาเรียได้คร่าชีวิตผู้ป่วยทั่วโลกราว 445,000 คนต่อปี และพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยพบผู้ป่วยทั่วโลก 216 ล้านคนในปี 2016 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าห้าล้านคนจากปีก่อนหน้านั้น
ข้อมูลโดย China Xinhua News
