Home ข่าวทั่วไปรอบวัน นายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งหน้าคล้ายคนเดิม  ‘พิชัย นริพทะพันธุ์’ ชี้สารพัดผลเสีย

นายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งหน้าคล้ายคนเดิม  ‘พิชัย นริพทะพันธุ์’ ชี้สารพัดผลเสีย

747
0
SHARE

 

 

“พิชัย” เตือน “สมคิด” อย่าทำลายความเชื่อมั่น ที่บอกนายกฯ หลังเลือกตั้งหน้าคล้ายคนเดิม ชี้ ส่งออก ท่องเที่ยว ตกหนัก ทำจีดีพีปลายปีทรุด  เย้ย อันดับทำธุรกิจตกอีก

 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน   รัฐบาลพรรคเพื่อไทย  แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อเช้าวันที่ 2 พ.ย.2561 ว่า

 

รู้สึกเป็นห่วงที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ออกมาประกาศต่อหน้า ซีอีโอ บริษัทต่างประเทศกว่า 400 คน ในงาน Forbes Global CEO conference  ว่านายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งหน้าตาคล้ายคนเดิม เพราะอาจจะยิ่งทำลายความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศที่มีต่ำอยู่แล้วให้ยิ่งต่ำลงไปอีก   เพราะตลอด 4 ปีกว่าที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่านักลงทุนต่างประเทศไม่มีความมั่นใจในรัฐบาลนี้ จากยอดการลงทุนจากต่างประเทศที่หดหายไปมาก ยิ่งบอกเหมือนว่ารัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนจากเดิม  ก็ยิ่งทำให้ความมั่นใจหดหายไปอีก และการที่นายสมคิดประกาศว่า  ประเทศไทยไม่ใช่คนป่วยของเอเชียอีกต่อไปแล้ว อาจจะเป็นประกาศที่เร็วเกินไป เพราะ 4 ปีกว่าที่ผ่านมาไทยโตได้ต่ำมากเฉลี่ยเพียง 2% กว่าเท่านั้น เพิ่งจะมาฟื้นได้ปีนี้ที่ 4% กว่า ซึ่งก็ยังโตต่ำที่สุดในอาเซียน  อีกทั้งมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจไทยจะทรุดลงต่ออีกแล้ว จากการส่งออกที่ติดลบในเดือนกันยายนที่ 5.2 % และมีแนวโน้มที่การส่งออกจะติดลบต่อถึงสิ้นปีจนถึงต้นปีหน้า

 

ประกอบกับการที่ปริมาณนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมากโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่ลดลงถึง – 80.61% ในเดือน ตุลาคม และ ก่อนหน้านี้ก็ติดลบมา 3 เดือนติดกันแล้วที่ -22.17%, -36.49% และ – 39.20% ซึ่งเป็นผลจากคลิปที่นักท่องเที่ยวจีนถูกเจ้าหน้าที่ ตม. ตบหน้าข้อหาที่ไม่ยอมทิป  ได้ถูกกระจายไปทั่วประเทศจีน ซ้ำเติมกับการสื่อสารที่ผิดพลาดและการจัดการเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตอย่างไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจของจีนที่เริ่มถดถอยจากสงครามการค้ากับสหรัฐ ดังนั้น จีดีพี ของไทยในครึ่งปีหลังของปีนี้น่าจะออกมาต่ำลง ซึ่งจะส่งผลกระทบไปถึงจีดีพีในปีหน้าด้วย

 

หากรัฐบาลยังเป็นรัฐบาลเดิมที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นการฟื้นเพียงชั่วคราวที่เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นเท่านั้น และโตจากฐานเดิมที่ต่ำมากติดต่อกันมา 4 ปีแล้ว และเริ่มที่จะปักหัวลงอีก ไม่ได้มาจากการฝีมือของรัฐบาลแต่อย่างไร  เพราะขนาดอันดับความสะดวกในการทำธุรกิจที่ปีที่แล้วที่รัฐบาลโม้ว่าดีขึ้นมาอยู่อันดับที่ 26 หรือดีขึ้นมา 20 อันดับจากอันดับ 46 แต่ยังต่ำกว่าก่อนปฏิวัติที่อันดับที่ 18 มาก โดยอันดับได้ตกหนักหลังการปฏิวัติ  และรัฐบาลได้ประกาศว่าปีนี้จะต้องดีขึ้นเท่าก่อนปฏิวัติ แต่กลับทรุดตกลงไปอยู่ที่อันดับที่ 27 ยิ่งตอกย้ำความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลนี้ และแสดงให้เห็นว่าหลังการปฏิวัติการทำธุรกิจในประเทศไทยยากลำบากขึ้นมาก

ดังนั้นจึงอยากขอให้ประชาชนได้ช่วยพิจารณาว่า รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้สร้างไว้หลายด้านทั้ง การลงทุน การส่งออก การท่องเที่ยว ที่ลดลงหนัก การกระจายรายได้ที่รวยกระจุก จนกระจาย  อีกทั้งการบริหารจัดการที่มีปัญหามาโดยตลอด หากเป็นรัฐบาลชุดเดิมคงไม่สามารถจะแก้ปัญหาได้และเศรษฐกิจอาจทรุดหนักลงอีก

 

matemnews.com 

2 พฤศจิกายน 2561