สมาคมแห่งสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง จัดเสวนาการเมืองเรื่อง “การเลือกตั้งคุณภาพกับอนาคตประเทศภายหลังการเลือกตั้ง” เมื่อตอนเช้าวันที่ 18 ธ.ค.2561 โดยชิญ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เป็นผู้เปิดการเสวนา กล่าวความตอนหนึ่ง ว่า
“ที่ผ่านมา มีผลโพลออกมาว่าประชาชนยังไม่ค่อยรับทราบเรื่องที่จะมีบัตรเลือกตั้งใบเดียว ยอมรับว่าเป็นความจริง ช่วงปีใหม่ และหลังปีใหม่ ผมก็ไม่อยากได้ยินว่าประชาชนยังไม่รับทราบข้อมูลเหล่านี้ จึงจะมีการรณรงค์และโหมโรงเรื่องการเลือกตั้งตามลำดับ วานนี้ที่ กกต. คุยกัน ก็บอกว่าครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เนื่องจากที่ผ่านมา เรามีบัตรเลือกตั้ง 2 แบบ คือ แบบแบ่งเขต หรือ แบบดั้งเดิม ที่จะมีเบอร์และกากบาท แบบบัญชีรายชื่อเริ่มใช้เมื่อปี 2544 ที่มีชื่อ โลโก้พรรค ครั้งนี้บัตรเลือกตั้งจะเป็นแบบไฮบริด เหมือนรถยนต์ 1 คัน ใช้ 2 ระบบ โดยในที่ประชุมก็มี กกต. ท่านหนึ่ง บอกว่า อยากเห็นบัตรเลือกตั้งมีชื่อและโลโก้พรรค เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ถ้าสำนักงานฯทำได้ ก็อยากให้ทำ ติดตรงไหน ที่ห่วงคือ ระยะเวลาการจัดพิมพ์เพื่อส่งไปนอกราชอาณาจักร เมื่อมีการพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง โรงพิมพ์แล้วน่าจะสามารถทำได้ทัน ที่ประชุมจึงตกลงกันว่าจะทำบัตรเลือกตั้ง 350 เขตจะไม่ซ้ำกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ในเรื่องนี้เชื่อว่าก่อนปีใหม่จะประชาสัมพันธ์ได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้ยังมีสิ่งที่แตกต่างจากเดิมเช่นกำหนดเวลาในการลงคะแนนที่เพิ่มเป็น 08.00-17.00 น. การให้เวลาลงคะแนนมากกว่าเดิมเราต้องคำนึงบางจังหวัดบางพื้นที่ในเรื่องความปลอดภัยโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยมีเจ้าหน้าที่ถูกยิงเสียชีวิตคาหน่วยเลือกตั้งมาแล้ว แต่ในเรื่องของเวลาเปิดให้ใช้สิทธิใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรายังไม่ได้ข้อสรุป การใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ เราตั้งเป้าว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิมากกว่าร้อยละ 80 และมีบัตรเสีย ไม่เกินร้อยละ 2 ขณะนี้ยังมีระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งรอ กกต. พิจารณาอีก 11 ฉบับ จะเร่งพิจารณาอย่างรวดเร็ว โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการหารือระหว่าง กกต. กับพรรคการเมืองในเรื่องป้ายหาเสียงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและการหาเสียง ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ส่วนที่กฎหมายใหม่ให้อำนาจ กกต. 1 คน สามารถระงับยับยั้งการเลือกตั้งในเขตใดเขตหนึ่งได้ ผมก็ยังเป็นห่วงว่าถ้าหากจะปลอมตัวลงไปในพื้นที่โดยไม่ให้มีคนรู้ ว่า เป็น กกต. และหากไปพบเหตุทุจริต แล้วต้องการจะแสดงตัวเพื่อดำเนินการกับการทุจริต ก็ยังไม่รู้ว่าหากใส่เสื้อสิงห์ กางเกงลายช้าง เจ้าหน้าที่จะจำตนได้หรือไม่ หากจะใช้สิทธิในนาม กกต. ประกอบกับหากไปแบบคนรู้ว่าเป็น กกต. ผู้ที่จะทำทุจริตก็จะไหวตัวทัน แต่ส่วนตัวไม่กลัวเพราะว่าซ้อมวิ่งมาแล้ว ดังนั้น คิดว่าถ้ามีกล้องคงเข้าไม่ถึงต้องใช้โดรน นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดให้ กกต. แต่งตั้งพนักงาน กกต. เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวน สอบสวน และไต่สวนได้ ซึ่งเทียบแล้วก็เท่ากับเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญา ที่สามารถมีอาวุธปืน แต่การพกพาอาวุธปืน จะต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนและกฎกระทรวง ขณะนี้เราก็กำลังพิจารณาและดำเนินการในเรื่องการขออนุญาตดังกล่าวเพื่อให้พนักงานสืบสวนสอบสวนของเราของ กกต. สามารถพกพาอาวุธปืนได้ ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นอยากให้ผู้สมัครรู้แพ้รู้ชนะ การเลือกตั้ง 4 ปี มี 1 ครั้ง ครั้งนี้ไม่ชนะก็ไปทำคุณงามความดีแล้วมาเลือกตั้งใหม่ เชื่อว่า จะต้องมีคนเลือกไปเป็น ส.ส. การทำงานของ กกต. ก็จะพยายามจัดการเลือกตั้งให้ดี เราพร้อมน้อมรับคำวิจารณ์ ตอนนี้ที่บ้านก็ติดกระจกเอาไว้หมดแล้ว จะได้สำรวจตัวเอง เราไม่ได้เป็นซามูไร ทั้ง 7 ยัง เป็นแค่ กกต. 7 คน แต่ต่อไปจะมีงานเยอะมากขึ้น เราก็พร้อมที่จะเป็น กกต. 77/11 คือ ทำงานตลอด 24 ชม.”
matemnews.com
18 ธันวาคม 2561