พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการการศึกษา ในฐานะคณะกรรมการแก้ไขกฎหมายจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวแก่สื่อมวลชนที่ สตช.มื่อวันที่ 20 ธ.ค.2561 ความคืบหน้าว่าด้วย การแก้ไขกำหนดอัตราความเร็วรถในถนนระหว่างเมืองทางด่วน โดยล่าสุดทางคณะทำงานแก้ไขกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เห็นชอบหลักการในอัตราความเร็วรถที่เสนอไปแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงปรับเพิ่มความเร็วรถในเส้นทางระหว่าง ถนนมอเตอร์เวย์อยู่ที่ประมาณ 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมสามารถวิ่งได้ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบนทางด่วนพิเศษทุกเส้นทาง อยู่ที่ 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมวิ่งได้เพียง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่ควรจะเพิ่มอัตราความเร็วรถขึ้น แต่จะต้องพิจารณาลดอัตราความเร็วลดลงในบางจุด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ส่วนจะลดในจุดใดนั้น จะต้องศึกษาความเหมาะสมและนำมาหารือร่วมกันอีกครั้ง จะมีการประชุมคณะทำงานอีกครั้งเพื่อสรุปรายละเอียดก่อนจะเสนอให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เห็นชอบและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาตามขั้นตอนของการแก้ไขกฎหมาย
กฎหมายความเร็วของรถเดิมที่ใช้อยู่ได้ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่พ.ค.2522 หรือเกือบ 40 ปี ที่ผ่านมา โดยระบุความเร็วรถในเขตเทศบาลสามารถวิ่งได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเส้นทางระหว่างเมือง และมอเตอร์เวย์วิ่งได้ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ได้กำหนดความเร็วบนทางด่วนที่เกิดขึ้นในกทม. จึงต้องใช้ตามข้อกำหนดในเขตเทศบาลและระหว่างเมือง ซึ่งปัจจุบันสภาพแวดล้อมต่างๆ เปลี่ยนไปเทคโนโลยีเปลี่ยนไป จำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาปรับความเร็วใหม่ให้สอดคล้องกับ สภาพรถในปัจุบัน สภาพถนน ส่วนกรณีที่มีการเพิ่มอัตราความเร็วแล้วอาจจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้นนั้น ยืนยันว่าเมื่อมีการปรับแก้ไขกฎหมายแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยขึ้น เพื่อควบคุมไม่ให้ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากอัตราความเร็วที่เสนอปรับแก้นั้นถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสมแล้วอย่างไรก็ตามขณะนี้อัตราความเร็วใหม่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเห็นชอบ ดังนั้นประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนยังจะต้องใช้ความเร็วรถในอัตราเดิมอยู่ ฝ่าฝืนก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย
matemnews.com
20 ธันวาคม 2561