หากถามถึงประเทศใดไปเที่ยวแล้วให้ความรู้สึกคล้ายญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวมักตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า คือ ไต้หวัน (Taiwan) แต่สิ่งที่น่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาก คือ ค่าครองชีพถูกกว่าญี่ปุ่นหลายเท่า ประเทศไต้หวัน หรือ ชื่อทางการว่าสาธารณรัฐจีน ประกอบด้วย 5 เกาะใหญ่รูปร่างคล้ายวงรี มีพื้นที่ประมาณ 6 จังหวัดของไทยรวมกัน แต่ มีประชากรราว 23 ล้านคน จัดว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุดของโลก ไต้หวัน มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย แต่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้งความทันสมัย ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ป่าไม้ ทิวเขาสวยงาม หรือจะเป็นอาหารที่ถูกปากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่ผ่านมาคนไทยสามารถบินไปเที่ยวไต้หวันแบบปลอดวีซ่ามาระยะหนึ่งแล้ว และล่าสุดไต้หวันได้ขยายการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) ให้กับผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทย ยาวไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 62 ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ด้านการค้า เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมระหว่างประเทศ
หลายปีมานี้ “การบินไทย” ได้พานักท่องเที่ยวชาวไทยไปเยือน ไต้หวัน (Taiwan) ด้วยความสะดวกสบาย โดยให้บริการบินตรงสู่ นครไทเป (Taipei) ทุกวัน บินจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) ใช้เวลาเพียง 3.30 ชั่วโมง เท่านั้น ก็แลนดิ้งนครไทเป ที่สนามบินนานาชาติไต้หวัน เถาหยวน (TPE)
นครไทเป (Taipei) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเกาะไต้หวัน (Taiwan) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ มีพื้นที่ติดแม่น้ำตันสุ่ยใกล้กับทะเลจีนตะวันออก เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การปกครอง เทคโนโลยี อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว นครไทเปเป็นเขตปกครองตนเอง ขึ้นตรงต่อรัฐบาล เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร และพัทยา ของประเทศไทย เป็นมหานครที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว
ทั่วโลกที่รักการช้อปปิ้ง ศิลปะวัฒนธรรม และชื่นชอบทิวทัศน์เมืองใหญ่ซึ่งมีตึกสูงระฟ้า ไทเปจึงเปรียบเสมือนประตูบานแรกเปิดต้อนรับสู่ความน่าหลงใหลของประเทศไต้หวัน โอกาสนี้ การบินไทย ได้คัดสรร 9 สถานที่ต้องห้ามพลาด เมื่อไปเยือนนครไทเป โดยเฉพาะใครที่สนใจจะไปเที่ยวในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มานำเสนอดังนี้
1.เขาเซี่ยงซานหรือเขาช้าง (Xiangshan Elephant Moutain)
เขาเซี่ยงซานหรือเขาช้าง เป็นภูเขาลูกเล็กๆ ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแถบชานเมืองไทเป ที่ยังคงความสมบูรณ์ของป่าไม้ นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปสุดฮิต โดยเฉพาะใครที่อยากถ่ายรูปกับตึก Taipei 101 ต้องไปที่เขาเซี่ยงซานหรือเขาช้าง ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากการที่ภูเขามีลักษณะคล้ายกับช้างนั่นเอง การเดินขึ้นเขาจะต้องเดินขึ้นบันไดเป็นระยะทาง 650 เมตร ใช้เวลาเดินเพลินๆ ผ่านต้นไม้สีเขียวขจี และสูดอากาศบริสุทธิ์ ประมาณ 20 นาที แต่แอบเหนื่อยนิดๆ แต่รับรองว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อขึ้นไปถึงด้านบน ตรงจุดชมวิว เพราะจากจุดนี้เราจะสามารถมองเห็นตึก Taipei 101 ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเพลินชมวิวอันงดงามของนครไทเปจากตรงนี้ได้ด้วย
2. พิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กง (Gugong National Palace Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1925 หรือหลังก่อตั้งสาธารณรัฐจีน (ประเทศไต้หวัน) ได้เพียง 13 ปี เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว อยู่ชานเมืองตอนบนชิดริมเนินเขาของนครไทเป มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีโซนจัดแสดงหลักอยู่ในอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมงดงามตามแบบพระราชวังจีนโบราณ สะดุดตาด้วยผนังสีเหลือง และหลังคาเซรามิกสีเขียว ความสูง 4 ชั้น 1 อาคาร และอีกสองโถงจัดนิทรรศการ จัดแสดงโบราณวัตถุ และศิลปะแขนงต่างๆ ของชาวจีน มากกว่า 700,000 ชิ้น ของเหล่านี้ล้วนมีอายุยาวนาน กว่า 8,000 ปี และยังคงอยู่สืบต่อมาหลายราชวงศ์
3. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน(National Taiwan Museum)
สร้างขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 เดิมนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองพิธีเปิดใช้เส้นทางรถไฟสายเหนือ-ใต้ของไต้หวัน ในยุคที่ไต้หวันยังอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศญี่ปุ่น เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ที่สุดของประเทศ จัดแสดงอยู่ภายในอาคารรูปทรงตะวันตกแบบกรีกดอริก (Greek Doric) สวยงามแปลกตา ภายในมีการจัดแสดงแบ่งเป็น 5 หมวด คือ มานุษยวิทยา, ธรณีวิทยา, สัตววิทยา, พฤษศาสตร์ และการศึกษา อันเกี่ยวเนื่องในหลายแง่มุมของไต้หวัน การมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะทำให้เราได้เห็นภาพการพัฒนาของสังคม ไต้หวันอย่างรอบด้าน
4. ตึกไทเป 101 (Taipei101)
ไทเป 101 เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กหลักของไทเป เป็นตึกสูงที่สุดในไต้หวัน และสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก (ปี 2004 เคยสูงที่สุดในโลก) โดดเด่นด้วยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ คล้ายปล้องไม้ไผ่ ซึ่งมีทั้งหมด 8 ปล้อง ที่ว่ากันว่า หากใครมาเที่ยวไต้หวันแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปกับตึกแห่งนี้ หรือไมได้ขึ้นไปชั้นบนสุดของตึก ถือว่ายังมาไม่ถึงไต้หวัน ตึกไทเป 101 มี 106 ชั้น มีความสูงถึง 508 เมตร โดยชั้น 89 จะเป็นจุดชมวิวที่จะต้องซื้อตั๋วเข้าชมจากชั้นล่างของตึก จากนั้น ลิฟต์จะนำเราขึ้นมายังชั้นชมวิวอย่างรวดเร็ว และยังสามารถขึ้นบันไดต่อไปที่ลานชมวิวกลางแจ้งที่ชั้น 91 ได้ด้วย และยิ่งมาในช่วงเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยแล้ว ตึกไทเป 101 แห่งนี้ จะเปลี่ยนเป็นเหมือนเสายิงพลุ และแสงสีเสียงสุดยิ่งใหญ่อลังการให้ชมอย่างตื่นตาตื่นใจที่สุด
5. วัดหลงซาน (Lhongsan Temple)
เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของนครไทเป ตั้งอยู่กลางเมืองย่านเมืองเก่า มีอายุเกือบ 300 ร้อยปี สร้างขึ้นโดยคนจีนชาวฝูเจี๊ยน ช่วงปี 1738 เพื่อเป็นสถานที่สักการะบูชา
สิ่งศักสิทธิ์ตามความเชื่อของชาวจีน มีรูปแบบด้านสถาปัตยกรรมคล้ายกับวัดพุทธของจีน แต่ผสมผสานความเป็นไต้หวันเข้าไว้ด้วย บางคนจึงเรียกว่าเป็นวัดสไตล์ไต้หวัน เหมาะสำหรับคนที่มาเที่ยวไทเป และมีเวลาไม่มากก็สามารถแวะไหว้พระและขอพรที่นี่ได้ ว่ากันว่ามาวัดหลงซานเพียงวัดเดียว สามารถขอพรอันประเสริฐได้ทุกประการ มีองค์ประกอบเด่นที่เสามังกรพัน ซึ่งภายในวัดมีอีกหลายเสาให้ถ่ายรูป นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดหากมาไทเป
6. อนุสรณ์สถาน เจียง ไค เช็ก (Chiang Kai-Shek Memorial Hall)
อนุสรณ์สถานแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์ค หรือสัญลักษณ์ของประเทศไต้หวัน ที่ไม่ควรพลาดมาชม สร้างขึ้นเมื่อปี 1976 เพื่อรำลึกและเทิดทูนอดีตประธานาธิบดี เจียง ไค เช็ก ภายในประกอบด้วยอาคาร สีขาวทั้ง 4 ด้าน มีหลังคาทรง 8 เหลี่ยมสีน้ำเงินแบบสถาปัตยกรรมแบบจีน มีรูปปั้นสำริดขนาดใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีนั่งอยู่ โดยมีทหารเปลี่ยนเวรยามมาเฝ้าตามเวลา หากไปในช่วงเปลี่ยนกะ จะได้เห็นพิธีการที่ดูเข้มแข็ง ขึงขัง และยังมีห้องจัดแสดงชีวประวัติของท่านให้เยี่ยมชมและศึกษา นอกจากชมความงดงามของสถาปัตยกรรมแล้ว ต้องห้ามพลาดการถ่ายรูปตรงจตุรัสเสรีภาพ (Freedom Square) ส่วนด้านนอกจะมีลานกว้าง และซุ้มประตูด้านหน้าขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะ ร่มรื่นด้วยต้นไม้สีเขียว ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของชาวไทเปและคนไต้หวัน
7. อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน (Yangmingshan Nation Park)
นับเป็น 1 ใน 9 อุทยานแห่งชาติของเกาะไต้หวัน ที่อยู่ใกล้กับนครไทเปมากที่สุด ที่นี่เปรียบเสมือนปอดขนาดใหญ่ทางเหนือของเมือง เป็นป่าบนเทือกเขาเขียวชะอุ่ม เต็มไปด้วยพันธุ์พืชหลายสายพันธุ์ ทั้งยังเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฉิชิงที่สงบไปแล้ว และยังนับเป็นจุดสูงสุดบนเกาะไต้หวัน คือ อยู่สูง 1,120 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่มีความสวยงามทุกฤดูกาล ทั้งทะเลสาบที่นิ่งสงบราวกับกระจก บ่อน้ำพุร้อนจากพลังภูเขาไฟ และยังเป็นสถานที่ชมดอกซากุระในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามใกล้นครไทเปอีกด้วย อุทยานแห่งนี้ จึงเป็นสถานที่ยอดนิยมในการเดินป่าปีนเขาของไทเป
8. ย่านซีเหมินติง แหล่งช้อปปิ้งวัยรุ่น (Ximending & Red House)
ย่านช้อปปิ้งชื่อดังขวัญใจวัยรุ่นเด็กแนวที่ทุกคนจะต้องมาอัปเดตเทรนด์การแต่งตัวที่นี่ นับเป็นแหล่งรวมสินค้ามากมายทั้งแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า ของกิน ของใช้ เทคโนโลยี ของที่ระลึก มีทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์เนมมารวมไว้ให้ได้ช้อปในที่เดียว ความโดดเด่นของที่นี่ นอกจากจะเป็นย่าน ช้อปปิ้งของไทเปแล้ว ยังมีอาคารโบราณที่รัฐบาลได้อนุรักษ์ไว้ มีชื่อว่าตึกแดง หรือ Red House สร้างด้วยอิฐแดงทั้งหลัง ภายในจะมีการจัดนิทรรศการหมุนเวียนด้านศิลปะ ส่วนภายนอกจะเป็นลานคนเมืองที่มีสินค้าทำมือวางขายให้เลือกชมและซื้อได้ตามอัธยาศัย โดยเปิดให้บริการอย่างคึกคักทั้งกลางวัน และกลางคืน ที่นี่จึงกลายเป็นจุดศูนย์รวมของเหล่าวัยรุ่นในนครไทเป จนได้รับฉายาว่า “ฮาราจุกุ” หรือ “ชิบูย่า” แห่งไทเป เหมือนกับในโตเกียวเลยทีเดียว
9. ตลาดกลางคืนซื่อหลิน (Shilin Night Market)
ซื่อหลิน เป็นตลาดกลางคืนขนาดใหญ่ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในนครไทเป อารมณ์คล้ายๆ จตุจักรบ้านเรา โดยจะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก คือ โซนตลาดในอาคารเก่า ซึ่งมักจะเป็นร้านอาหารและขนม มีทั้งแบบแผงลอย และเป็นร้านเล็กๆ เกือบ 500 ร้านค้า ที่เน้นขายอาหารแบบท้องถิ่นของไต้หวันสไตล์ สตรีทฟู้ด อาทิ ปลามึกย่าง, หอยทอด, ไก่ทอด, ข้าวขาหมู, ชาไต้หวัน ส่วนอีกโซน จะเป็นตรอกซอกซอยแยกย่อยอยู่รอบๆ อาคารตลาดนี้ อีกมาก ซึ่งจะขายของคละกันไป ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของเล่น ของฝาก เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ของใช้เด็ก ของที่ระลึก โรงภาพยนตร์ ร้านคาราโอเกะ และอื่นๆ เป็นตลาดที่ไม่ต้องกลัวแดด เพราะตลาดแห่งนี้จะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงเย็นๆ ไปจนถึงเวลาเที่ยงคืนทุกวัน
ถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากไปชิลล์ส่งท้ายปีเก่าต้อนปีใหม่ที่ไต้หวันกันแล้ว วันนี้ สามารถบินง่ายสะดวกสบาย เพราะ “การบินไทย” พร้อมพาเหินฟ้าสู่ นครไทเป ประเทศไต้หวัน ทุกวัน วันละ 3 เที่ยวบิน ด้วยราคาบัตรโดยสาร ไป-กลับ เริ่มต้นเพียง 11,560 บาท/ท่าน ใช้เวลาเพียง 3.30 ชั่วโมง เท่านั้น บินตรงจากกรุงเทพฯ ก็แลนดิ้งนครไทเป โดยไม่ต้องต่อเครื่อง จองบัตรโดยสารได้ตั้งแต่
วันนี้ – 15 มกราคม 2562 บินสู่ทุกจุดหมาย #สบายต่างกัน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพียงคลิก https://bit.ly/2C7ciAY
