“นิสัยคนเห็นอะไรก็อยากจะแก้ไขปรับปรุง อยากพัฒนา ให้ทุกคนสร้างความดี เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ตลอดเวลา แม้จะนอนคิดดีปรารถนาดี สวดมนต์อวยพรให้คนอื่นได้ดี มีความสุข จะกินจะนอนก็นึกถึงจะกินอะไรดีๆก็นึกถึงคนที่ไม่มีอะไรจะกินบ้าง จะใช้เงินก็ต้องนึกถึงคนเหล่านี้จะทำอย่างไรที่เราจะเจือจานให้เขาบ้าง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นบุญกุศล ถ้าทำบุญทำกับพระกับวัด แต่ถ้าทำกุศลกับคนที่เขาด้อยโอกาสรายได้น้อยก็เป็นกุศลกับท่านทั้งสิ้น เพราะคนเราอยู่ด้วยบุญและกุศล ไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ หากทำชาตินี้ไว้วันหน้าจะเป็นอย่างไรเราไม่รู้ แต่เราก็มีความสุข มีชื่อเสียงเกียรติยศให้คนยกย่องนับถือ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถใช้เงินทองซื้อได้ เป็นสิ่งที่สังคมมอบให้เราเอง ไม่ใช่ว่าตั้งเองว่าเรามีเกียรติและศักดิ์ศรี นายกฯก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะนายกฯคือคนที่ทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน เพื่อสิ่งที่ตนตั้งมั่นมาตลอด และพร้อมที่จะทำงานให้ดีที่สุดในช่วงที่ตนทำหน้าที่อยู่ ผมอยากเชิญชวนให้ทุกคนและคนทางบ้านสร้างสรรค์ความดีให้ประเทศไทย แต่ถ้ายังพูดจาให้ร้ายกันไปมา จะไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น อาจจะเกิดกับบางกลุ่มบางกลุ่ม แต่ไม่ได้เกิดประโยชน์กับประเทศ ซึ่งต้องได้รับความเชื่อมั่นและเชื่อถือจากโลกภายนอก และปีหน้าเราจะเป็นประธานอาเซียนจะเป็นรัฐบาลไหนก็ยังไม่ทราบ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมการตั้งแต่วันนี้ เตรียมเป็นเจ้าภาพเจ้าบ้านที่ดี และที่สำคัญจะเชื้อชาติใด ศาสนาใดต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ มีความขัดแย้ง มีปัญหาต่างๆต้องพูดคุยกัน การปฏิรูประเทศมันไม่ง่ายนักหรอก ปฏิรูปจำเป็นต้องใช้กฎหมายหลายตัวหลายท่อ อย่างการปฏิรูปตำรวจ ไม่ใช่จะปฏิรูปตำรวจอย่างเดียวต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดประกอบไปด้วย ตำรวจ อัยการ และศาล มีพ.ร.บ.เป็น 10 พ.ร.บ. ต้องแก้ทุกพ.ร.บ.ไม่ใช่สั่งตำรวจอย่างเดียวอย่างอื่นไม่ต้องทำไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ต้องสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ให้ได้ ไม่ใช่รัฐบาลสั่งการ มันสั่งการไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่เห็นชอบร่วมกันก็มีกลไกประชาธิปไตยก็ไปว่ากันมา ไปแก้ไขกันมาทุกอย่างทำได้ เริ่มต้นได้ แก้ไขได้หมด เพียงแต่ขอให้สร้างสรรค์สิ่งดีๆไม่ทำเพื่อประโยชน์ตนเอง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมยึดมั่นมาตลอด และคิดว่าทุกคนน่ายอมรับในสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดในวันนี้ ประชาธิปไตยที่ไม่เคารพกฎหมายถือเป็นประชาธิปไตยที่ใช้ไม่ได้จริง ผมทำงานด้วยกฎหมาย แม้จะมีคนกล่าวหาอะไรมากมาย แต่ผมก็ตามกฎหมายโดยไม่เกรงกลัว วันนี้ผมทำงานด้วยกฎหมายมาตลอด ระวังอย่างเต็มที่ที่สุด ถึงแม้จะมีคนมากล่าวอ้างอะไรเยอะแยะ ตราบใดที่ทำถูกกฎหมาย ผมก็ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใครทำอะไรก็ต้องถูกสอบสวนดำเนินคดี ผมไม่เคยไปก้าวล่วงหรือสั่งติดคุก เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และเวลาไปต่างประเทศก็ไม่เห็นมีใครรังเกียจผม มีแต่คนไทยบางคนเท่านั้นแหละ ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเราต้องขัดแย้งกัน ทำไมไม่สร้างประเทศไทยให้อบอุ่นเป็นที่ยอมรับในความปรองดอง สามัคคีของพวกเราไม่มีใครทำได้ ไม่มีรัฐบาลใดบังคับให้ทุกคนปรองดองได้ แต่อยู่ที่ทุกคนหลักคิดถูกต้องไหม ประชาธิปไตยถูกต้องไหม เรากำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง อยากฝากสังคมช่วยเรียนรู้อะไรที่เกิดขึ้นในอดีตต้องไม่เกิดขึ้นอีกในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้มีคนบอกนายกฯอยู่เสียของ ซึ่งไม่เสียของ เพราะไม่ได้อยู่ที่ผมคนเดียว แต่อยู่ที่สังคมต้องเรียนรู้ที่จะสร้างประวัติศาสตร์เพื่อวันหน้าอย่างไร ตอนนี้การพูดจาของนายกฯต้องระวัง แต่อย่าลืมว่าผมเป็นหัวหน้าคสช.ด้วย ถ้าร้ายๆเป็นหัวหน้าคสช.อย่าลืมว่าสงบมากี่ปีแล้ว”
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวขณะเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลสุดยอดวัฒนธรรมสร้างสรรค์แห่งปี 2561 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เช้า 26 ธ.ค.2561