พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี 2 ม.ค.2562 ว่าด้วย การรับมือพายุโซนร้อนปาบึก ที่จะลงอ่าวไทยวันนี
“เราได้เตรียมการตั้งแต่ 2 วันที่ผ่านมาแล้ว มีการแจ้งเตือนไปทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะเรื่องประมง การท่องเที่ยว การสัญจรไปมาในพื้นที่อ่าวไทย และฝั่งอันดามันด้วย ขอเตือนทุกคนช่วยเตรียมการป้องกันตัวเอง และขอร้องภาคเอกชนในการใช้เรือโดยสาร ผมได้สั่งห้ามหมดแล้ว และวันนี้ได้ย้ำเตือนในที่ประชุมครม.ไปอีกครั้งหนึ่งกระทรวงมหาดไทยจะมีการประชุมเตรียมการบูรณาการอีกครั้ง หลังจากได้มีการสั่งการไปแล้ว ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กองทัพเรือ กองทัพบก กรมเจ้าท่า โดยมีกระทรวงมหาดไทยเป็นแม่งานในการขับเคลื่อน เราคาดว่าพายุจะเข้าภาคใต้ตอนบนไปจนถึงตอนล่าง ในวันที่ 3 -5 ม.ค. เดิมเป็นพายุดีเปรสชั่น จะขยายตัวเป็นพายุโซนร้อน มีความรุนแรงมากขึ้น ช่วงนี้จะมีฝนตกชุกจึงต้องเตรียมการไปจนถึงการป้องกันน้ำท่วม แก้ไขการคมนาคม หากปริมาณฝนมากก็อาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา เรื่องนี้เป็นภัยธรรมชาติ ก็ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารสภาพอากาศ รัฐบาลนี้เต็มที่ โดยเฉพาะการบรรเทาอุทกภัย ภัยพิบัติ ที่มีการดำเนินการใหม่ๆ ทั้งการบูรณาการข้อมูลต่างๆ บูรณาการการช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ทำทุกอัน หากสังเกตและติดตามจะเห็นมีความแตกต่างมากพอสมควร แต่ก็คงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นส่วนใหญ่”
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงข่าวในวันเดียวกัน ว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศแจ้งเตือนพายุโซนร้อน “ปาบึก” จะพัดเข้าสู่พื้นที่ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 3-5ม.ค.2562ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก น้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัด อาทิ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร รวมทั้งเกิดคลื่นสูงในอ่าวไทยและอันดามันนั้น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มีความห่วงใยประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก โดยเฉพาะศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ประสานงานและบูรณาการกับทุกภาคส่วน เตรียมรับสถานการณ์ ป้องกันและลดผลกระทบที่ประชาชนจะได้รับให้น้อยที่สุด โดยได้มีการเตรียมกำลังพล เครื่องมือ แผนการปฏิบัติ การช่วยเร่งระบายน้ำ ดำรงการติดต่อสื่อสาร ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหน่วยทหารในพื้นที่ภาคใต้จะตั้ง “จุดบริการประชาชนส่วนหน้า” ในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยประชาชนเตรียมรับสถานการณ์และให้การช่วยเหลือได้ทันที ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ผู้บัญชาการทหารบกได้เคยมอบให้หน่วยทหารในทุกพื้นที่ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการบรรเทาสาธารณภัย
Matemnews.com
2 มกราคม 2562
