พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและแสดงปาฐกถาพิเศษในงานเปิดตัวโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล และพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนเช้าวันที่ 21 ม.ค.2562 โดยกล่าวว่า
“การศึกษาเป็นกลไกในการพัฒนาชาติ และทำให้ประชาชนอ่านออกเขียนได้ คิดวิเคราะห์เป็นและมีทักษะประกอบอาชีพ ที่จะช่วยให้ทุกคนมีขีดความสามารถในการแข่งขัน รัฐบาลมุ่งหวังให้มีการเรียนรู้ทั้งในระบบและนอกระบบ โดยปัจจุบันมีการขยายโรงเรียนจำนวนมาก เพราะต้องการให้ทุกอำเภอ และทุกพื้นที่ มีโรงเรียนเพื่อเข้าถึงทางการศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ขาดโอกาสเรียน ในโรงเรียนที่มีคุณภาพ จึงไม่ใช่เรื่องของงบประมาณเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำให้โรงเรียน เหล่านี้มีพื้นฐานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ มีอุปกรณ์และบุคคลากรที่เพียงพอ โดยรัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้จึงต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมมือด้วย ผมเองได้ฟังเด็กร้องเพลง วันพรุ่งนี้ สะท้อนความต้องการของเด็ก ทุกคนก็ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ดังนั้นบ้านเมืองไม่ว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไรต้องสงบเงียบแบบนี้ จึงต้องสร้างมาตรฐานให้เด็กเติบโตอย่างพอเพียงและมีความสุข ขอฝากทุกภาคส่วนทำงานเพื่อให้ประเทศเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ทั้งหมดคือการปฏิรูปการศึกษา วันนี้คาดหวังว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในรัฐบาลต่อๆไป ไม่ใช่เริ่มอะไรดีๆ มาใหม่ก็เลิกหมด แล้วเมื่อไรจะพอ ถ้าไม่มีการปรับแก้ปัญหาของตัวเองก็คงไปไม่ได้ แต่จะเทงบประมาณเฉพาะแค่เรื่องการศึกษา สาธารณสุขอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะอาจจะไม่ใช่จุดแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำแค่จุดเดียว ดังนั้นต้องมีการกระจายงบประมาณไปให้ทั่วถึง วันนี้ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องการ ขอให้เป็นไปอย่างสงบสุขเรียบร้อย เด็กๆ ก็บอกแล้วว่า อย่าขัดแย้งกัน พ่อแม่และทุกคนจึงต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน อย่าไปรับฟังอะไรต่างๆ ที่แย่ไปทั้งหมด ขณะเดียวกันการเข้ามาเป็นรัฐบาลในวันหน้า เมื่อเข้ามาแล้วก็มีการทำงานในลักษณะเป็นสภา ต้องมีฝ่ายค้าน และรัฐบาลที่ต้องแก้ปัญหาควบคู่กันมา แต่ที่พูดมาทั้งหมดก็ไม่สามารถทำได้หากไม่ยึดแนวทางแบบที่เริ่มต้นไว้ให้วันนี้ วันนี้เราทำทั้งหมด ทั้งพลังงาน การศึกษา การสร้างเศรษฐกิจใหม่ เราทำไว้หมดแล้วซึ่งเดินไปทีละขั้น มีคนมาพูดว่า เราจะทำให้ตรงนี้ มันไปถึงแล้วยังตรงนู้น ถ้าเราไม่กลับมาดูหัวแม่เท้าตัวเอง มันไปไม่ได้หรอก มันเดินไม่ได้จะสะดุด เดินก็ต้องก้มมองปลายเท้าและเงยมองไปข้างหน้าว่าจะเดินไปยังไง ผมก็ฝากสื่อโซเชียลไว้ด้วย ผมไม่รู้จะโมโหไปทำไม คนที่เขียนก็สนุก ชอบ สื่อก็ขายดีขึ้น แต่ปรากฏว่า ประเทศชาติแย่ลง สุขภาพจิตผมก็แย่ ร่างกายผมก็แย่ตามไปด้วย ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้ความสำคัญ บอกไว้เลยตรงนี้ เพราะให้ความสำคัญมา 5 ปีแล้ว ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
matemnews.com
21 มกราคม 2562