พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย
แถลงข่าว 22 ม.ค.2562 ว่า
ขณะนี้เกิดความเข้าใจผิดว่ากรมอนามัยจะต้องเป็นผู้ออกประกาศในการควบคุมสถานการณ์
หากค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วิกฤตรุนแรง
ซึ่งข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
จะมีในส่วนของมาตรา 9 ที่ระบุว่า เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุภยันตรายต่อสาธารณชนอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ
หรือภาวะมลพิษที่เกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษ
ซึ่งหากปล่อยไว้เช่นนั้นจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต
ร่างกายหรือสุขภาพอนามัยของประชาชน
หรือก่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐเป็นอันมาก
ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งตามที่เห็นสมควร ดังนั้น
หากเกิดมลพิษจนเป็นอันตรายต่อสาธารณชน นายกฯ มีอำนาจในการออกประกาศอยู่แล้ว
ส่วนคำถามว่าสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 เมื่อใดจะเกิดภาวะอันตรายวิกฤตต่อสาธารณะ
ในการหารือร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2562
มีข้อสรุปว่า ค่าฝุ่น PM2.5 จะต้องเกิน 90ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วัน และครอบคลุมพื้นที่เกินครึ่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร (กทม.)
จึงจะเข้าข่ายเป็นอันตรายต่อสาธารณะ แล้วใช้อำนาจตามมาตรา 9 ออกประกาศควบคุม
ซึ่งอาจมีทั้งการห้ามรถขับรถยนต์ส่วนตัว หรือการปิดโรงเรียน สถานที่ทำงาน
จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นนั้น เนื่องจากค่าฝุ่น PM2.5
ยังขึ้นๆ ลงๆ และสูงแค่บางจุดของ กทม.และปริมณฑลเท่านั้น
มาตรการในขณะนี้จึงอาศัยกฎหมายที่มีอยู่ในการบังคับใช้ เช่น ผู้ว่าฯ
กทม.และจังหวัดปริมณฑล ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ออกประกาศห้ามเผาในที่โล่ง หรือการใช้กฎหมายจราจรและขนส่ง
ในการควบคุมรถบรรทุกในการเข้าออกเมือง การตรวจจับรถควันดำ เป็นต้น
นักข่าวถาม พื้นที่ที่เกิดค่าฝุ่นสูงซ้ำๆ จะมีเกณฑ์พิจารณาสถานการณ์วิกฤตเพื่อควบคุมเฉพาะพื้นที่หรือไม่
พญ.พรรณพิมล ตอบ ขณะนี้ทราบดีว่า พื้นที่ใดที่เกิดค่าฝุ่น PM2.5 สูงซ้ำๆ ซึ่งมักจะเป็นตามแนวถนนเข้าออก กทม.
ที่มีการจราจรหนาแน่นและติดขัด ซึ่งปัญหาการจราจรนี้เป็นสาเหตุของการเกิดฝุ่น PM2.5
ใน กทม.ถึงร้อยละ 60 อย่างไรก็ตาม
คงไม่รอให้สถานการณ์ค่าฝุ่น PM2.5 สูงจนวิกฤตถึงขั้นต้องออกมาตรา
9 ก็จะใช้มาตรการที่มีอยู่ในการลดต้นเหตุของการเกิดฝุ่น
อย่างจราจรจะรู้ดีว่าพื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่จุดใดก็ต้องไปจัดการจราจรให้ราบรื่นขึ้น
หรือตอนนี้รถโดยสารสาธารณะก็อยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนรุ่นของเครื่องยนต์
เพื่อให้การสันดาบดีขึ้น ลดการปล่อยมลพิษลง
ส่วนของสาธารณสุขเองก็จะลงไปให้ข้อมูลในการดูแลสุขภาพในพื้นที่เสี่ยงเหล่านี้
เพื่อลดการสัมผัสและผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ให้ได้มากที่สุด
เช่น การปิดบ้านเพื่อป้องกันฝุ่นละออง ลดกิจกรรมภายนอกบ้าน
หากจำเป็นต้องเดินทางไปทำงาน
อาจหาอุปกรณ์ป้องกันในช่วงที่ผ่านเส้นทางที่มีฝุ่นละอองมาก
และใช้เวลาสัมผัสให้น้อยที่สุด และเมื่อถึงสถานที่ทำงานค่อยถอดอุปกรณ์ป้องกันออก
เป็นต้น
matemnews.com
22 มกราคม 2562