เป็นประธานในพิธีรับมอบสมุดปกขาว นโยบายเศรษฐกิจฐานรากสู่แนวทางการปฏิบัติ ที่ตึกสันติไมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนเช้าวันที่ 31 ม.ค.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวพันไปถึงปัญหาวิกฤตฝุ่นละอองPM 2.5 ในพื้นที่ กทม.และ 5 จังหวัดรอบ กทม.ด้วยว่า
“การบริหารทุกอย่างต้องเร่งดำเนินการเพราะเป็นเรื่องของการเผาขยะ เผาในที่โล่ง พืชและขยะที่เป็นพิษเผาเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย โรงงานทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นอยู่อย่างนี้ PM 2.5 ก็มาอยู่อย่างนี้ แต่ส่วนที่หนักที่สุด คือ ยานพาหนะเกือบทั้งหมด เป็นการเผาไหม้จากเครื่องยนต์ วันนี้ก็มีเสนอมาให้ยกเลิกรถที่วิ่งแล้ว 10 ปี แล้วใครขับรถแค่ 3 ปีบ้าง คนมีหลากหลายอาชีพหลากหลายระดับ แต่ไม่ใช่ว่ารถเก่าจะไม่มีคุณภาพ ต้องดูบริบทของประเทศไทยด้วย การจะห้ามหรือจะปิดอะไรก็แล้วแต่ PM 2.5 วันนี้ตกใจกันทั้งประเทศ ใช่เป็นเรื่องสุขภาพ รัฐบาลก็ค่อยๆ แก้ ถ้าแก้โครมเดียวก็เดือดร้อนกันทั้งหมด ใครยอมไหม ไม่ใช้รถทั้งหมด เพราะปัญหามาจากรถมากที่สุด วันนี้ก็แก้ปัญหาตรวจรถวันละ 8-9 พันคัน เขาติดสติกเกอร์แล้ว คันไหนห้ามวิ่ง-ไม่วิ่ง หลายคนบอกดีแต่พ่นน้ำ ไม่เคยดูเลยคนเขาทำงานแทบตายก็ไม่อยากทำแล้ว ที่ควันดำก็จอดหมดแล้วตอนนี้ รถที่เข้ามาจากต่างจังหวัดก็ตั้งด่านตรวจ 6 ด้านรอบกรุงเทพฯ สำคัญมีการนำเอาปัญหาฝุ่นผงมาเล่นการเมือง บอกผมสวดมนต์ ผมนี่นะ ทำเป็นแค่นั้นหรือ เพราะถ้ายังเป็นกันอยู่อย่างนี้ก็จะเดือดร้อนกัน วันนี้ต้องปิดโรงเรียนก็ปิดไป ก็โอเค ทุกคนบอกต้องปิดก็ปิด ควรปิดตั้งนานแล้ว ฉันละก็เบื่อใจจริงๆ การจะปิดไม่ปิดต้องดูว่าควรหรือไม่ควร ถึงเวลาหรือยัง บางคนบอกไอเป็นเลือดแล้ว ผมก็ถามโรงพยาบาลว่าไอเป็นเลือดเพราะฝุ่นเยอะใช่ไหม เขาก็ตอบไม่ชัด ส่วนใหญ่ที่ไอกันอยู่ และไอมากๆ ที่เป็นปัญหาก็จะไข้หวัดใหญ่ ผมก็ไม่รู้มันมาจากอะไรกันแน่ แต่โอเค มันมีพิษมีภัยแน่นอน PM 2.5 เขาปิดโรงเรียนเพราะอะไร เพราะเด็กมีภูมิต้านทานต่ำ ไม่เหมือนผู้ใหญ่ ผมก็เหมือนกัน ทนมาถึงวันนี้ 65 ปีแล้ว แค่นี้ก็เก่งแล้ว เพราะฉะนั้นเด็กต้องดูแลเขาก่อน ดู 2 วันจะได้เรื่องไหม เพราะต้องการให้เด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำเขาปลอดภัยก่อน หลายคนก็ออกมาคาดจมูกแถลง โธ่ ไม่ต้องออกมาคาดจมูกแถลงสร้างภาพอย่างนั้นหรอก ไม่ต้อง ดูถ้าท่านมาแล้วท่านจะทำอะไรได้บ้าง เสนอมาสิวันนี้เสนอมา ท่านก็ลองเลือกไปแล้วกัน เสนอมาแต่ละอย่าง ผมก็มีเหมือนที่เขามี แต่ผมจะใช้ได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่ผมต้องคิด จะห้ามรถอย่างไร จะห้ามรถวันคี่ยอมไหมล่ะ ไอ้คนมีรถคันเดียวก็บอกเห็นแก่ตัว เพราะผมคนจนมีรถคันเดียว แต่คนรวยประกาศได้ มีรถ 2 คัน จะห้ามรถไม่ให้เข้าได้ไหม ให้ใช้รถขนส่งมวลชนแล้วใช้กันไหม ทุกคนมีปัญหาหมด ในฐานะเป็นรัฐบาลผมมีประชาธิปไตยเต็มที่ นึกถึงคนทุกคน จะประกาศหรือสั่งอะไรไปก็ต้องระมัดระวังมากที่สุด แต่ทุกอย่างกฎหมายปกติมีอยู่แล้ว ทำกฎหมายปกติให้เข้มงวดขึ้น อะไรที่สามารถควบคุมโรงงาน ควบคุมต่างๆรวมถึงการเผาวัชพืชในที่โล่งมีทุกตัว ต้องเข้มงวดตรงนี้ให้ได้ แล้วดูซิมันจะลดไหม ถ้ายังไม่ลดเดี๋ยวต้องหามาตรการที่ 2 และมาตรการที่ 3 ขณะนี้เราทำมาตรการ 1 กับ 2 อยู่ เดี๋ยวถ้ามีมาตรการที่ 3 ขึ้นมาจะยิ่งกว่านี้ ถ้ามันยังแก้ไขไม่ได้ เพราะบางพื้นที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม เขาก็ไปวัดดูแล้วก็ไม่ได้มากมาย และส่วนใหญ่ก็ต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ปัญหาเกิดจากการสะสม ในส่วนที่ลอยมา ต่างประเทศก็ประสานไป จากรอบบ้านก็สำรวจแล้วมันพัดออกนอกอีกทางหนึ่ง ไม่ได้เข้ากรุงเทพฯ ไม่ได้เข้าประเทศไทย ฟังตรงนี้บ้าง แต่ทั้งหมดใครเป็นคนทำ ผมก็ทำเพราะนั่งรถ ทุกคนร่วมกันทำหมด ฝุ่นผงที่ว่านี้ลดลงได้ไหม เอาไหมวันหน้ารัฐบาลนายกรัฐมนตรีเดินมาทำงาน เอาไหมท่านมาจากจังหวัดไหน เดินมา หรือไม่ใช้รถส่วนตัวเลย ใช้รถร่วมบริการอย่างเดียว ก็ได้ เดี๋ยวมาตรการ 3-4 ออกมา ใช้รถวันคี่วันคู่ ห้ามรถตรงนี้ตรงนั้น ถามจะไปมากันอย่างไร ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้เพียงแต่ให้รถมีสมรรถนะที่ดี อะไรลดได้ลด หรือขึ้นรถไฟฟ้าบ้างรถเมล์บ้าง ซึ่งรถเมล์ก็ต้องเปลี่ยน หลายคนบอกให้เปลี่ยนเป็นรถเมล์ NGV แล้วมันคันละเท่าไหร่ รถเมล์มีเกือบหมื่นคันทั้งของรัฐและของเอกชน เอาแค่เปลี่ยน 5-6 พันคัน คันละ 3.5 ล้าน ใช้เงินเท่าไหร่ และพร้อมจะเปลี่ยนไหม ต้องดูเครื่องยนต์ดูความสะอาด รถควันดำวิ่งไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้ายังดื้ออยู่พ่นสีลงไปเลย กากบาทไปเลยหัวท้ายรถ ติดสติกเกอร์ก็ลอกออกได้อีก ทุกรถ รถนายกฯ ก็ต้องพ่น ถ้าควันดำ ทุกคนจะได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานี้ ไม่ใช่เอ่ยอะไรรัฐบาลก็ต้องแก้ รัฐบาลมีอย่างเดียว คือบังคับใช้กฎหมาย และมันก็แรงขึ้นแรงขึ้น พอใช้ไม่ได้ขึ้นมา กฎหมายเสียอีก เหมือนกฎหมายจราจรที่เสียหมดทุกอัน เพราะกฎหมายเขียนถึงคนสวน รวมทุกคนจึงต้องปฏิบัติ ไม่มีกฎหมายไหนที่เขียนเฉพาะคน ไปเขียนกันใครไม่ได้ นั่นคือประชาธิปไตย เหมือนที่ท่านต้องการกันอยู่วันนี้”
ระหว่างเดินกลับตึกไทยคู่ฟ้า พลเอกประหยุดหยุดริมทางให้สัมภาษณ์คณะนักข่าว
“การหยุดโรงเรียนเพื่อดูแลเด็กที่ภูมิต้านทานต่ำ สิ่งที่ตามมาคือชั่วโมงเรียนลดลง ต้องหาชั่วโมงเรียนเพิ่มให้ไม่อย่างนั้นจะมีผลต่อการเรียนของเด็กนักเรียน จะสั่งอะไรต้องคิดให้ถี่ถ้วน และเมื่อถึงเวลาก็ทำ วันนี้รถที่ติดควันดำก็มีสติกเกอร์ติด ไม่ใช่โพสต์กันไปโดยที่ไม่รู้เรื่องราว เขาก็ปฏิบัติกันลำบาก คงอาจไม่ต้องถึงขั้นไปพ่นสีบนรถ เสียหาย วันนี้ถ้าเห็นรถควันดำใส่มาในโซเชียลมีเดียก็ได้ เดี๋ยวผมไปเปิดเจอเอง ผมก็สั่งหน่วยงานเข้าไปดู ทำไมถึงยังวิ่งนี้ สั่งดำเนินการไปหลายคันแล้ว ต้องดูปัญหาจากตรงไหน ไม่ใช่พูดกันไปเรื่อยเปื่อยกระทบกระทั่งกันไปหมด กลายเป็นปัญหาการเมืองไปอีก วันนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกรมควบคุมมลพิษ ตรวจสอบโรงานพบบางที่เป็นควันขนาดใหญ่ แต่ไม่ใช่ PM 2.5 ที่ทำให้เกิด PM 2.5 มีเพียงไม่กี่โรงงาน ขณะที่ในถนนบางที่ก็ไม่เกิน แต่เมื่อไปตรวจใต้สะพาน ตรวจถนนด้านล่างเกิดจากการลอยต่ำมาอยู่ข้างล่าง ดังนั้น มาแน่นอนจากรถ จากการจราจรที่สำคัญ ถ้าบอกให้ใช้รถประจำทางก็บอกไม่เพียงพอรถไฟฟ้าก็ยังไม่เสร็จ ถ้าหยุดทุกอันรถก็ใช้อยู่อย่างนี้ ปริมาณ PM 2.5 ก็เป็นอยู่แบบนี้ ดังนั้นทุกอย่างต้องเป็นความร่วมมือของเรากับประชาชน ลองเสนอมาอยากให้ผมทำอะไร แต่ต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าทำแบบนี้แล้วจะเสียอะไร หรือใครเดือดร้อนบ้าง รัฐบาลคิด 2 ทางเสมอและคำนึงถึงประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามมีปัญหามากๆ ถึงเวลานั้นต้องประกาศสถานการณ์ใหม่ เดี๋ยวจะมีการประชุมร่วมกัน โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะกำกับดูแลกรมควบคุมมลพิษ รวบรวมมาตรการ 1-3 และถ้าเป็นมาตรการที่ 4 จะยกระดับเป็นภัยพิบัติขึ้นมาทันที ต้องการให้ถึงขนาดนั้นไหม ถ้าเราเกินไปอาจจะมีผลเสียต่อการท่องเที่ยวด้วย สุขภาพสำคัญที่สุดต้องคำนึงถึงอย่างอื่นด้วย การที่ออกมาพูดอะไรเป็นประเด็นการเมือง ผมก็เบื่อหน่าย เพราะไม่ใช่เพิ่งปัญหาในเวลานี้ แต่มีมาทุกปี แต่รัฐบาลนี้ให้ทุกคนรับทราบสถานการณ์เป็นอย่างไร เมื่อก่อนไม่เคยแจ้ง พอมีตัวเลขให้เห็นก็ตกใจ ตื่นตระหนก”
Matemnews.com
31 มกราคม 2562