หลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อบ่าย 19 มี.ค.2562 ว่าด้วย ขั้นตอนการพิจารณาอุทธรณ์คดีล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าของนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก ว่า
“คดีนี้ศาลตัดสินจำคุก นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 16 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ส่วน นายยงค์ จำเลยที่ 2 ศาลจำคุก 13 เดือน ไม่รอการลงโทษเช่นกัน ขณะที่ นางนที จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นแม่ครัว ศาลจำคุก 4 เดือนพร้อมปรับ 10,000 บาทแต่โทษจำคุกให้รอลงการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี ส่วน นายธานี จำเลยที่ 4 เป็นนายพราน จำคุกทั้งสิ้น 2 ปี 17 เดือนโดยไม่มีข้อหาใดที่ยกฟ้อง ศาลยังมีคำพิพากษาให้ นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 และนายธานีจำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้เงินค่าเสียหายจากการกระทำผิด เป็นเงิน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย หลังจากศาลมีคำพิพากษาตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว หากคู่ความฝ่ายใดไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพนักงานอัยการหรือฝ่ายจำเลยทั้งสี่ ไม่พอใจในผลคำพิพากษาของศาล ก็สามารถที่จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาได้ภายในกำหนดระยะเวลา 1 เดือน แต่หากการจัดเตรียมเอกสารในการยื่นอุทธรณ์ยังไม่แล้วเสร็จภายในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ก็ยังสามารถยื่นขอขยายคำอุทธรณ์ได้ ภารกิจของสำนักงานอัยการสูงสุดต่อจากนี้ ในเรื่องการพิจารณาอุทธรณ์คดี ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดี อาญาในชั้นศาลสูง กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่า เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตัดสินของศาลชั้นต้นแล้ว ถ้อยคำสำนวนรวมทั้งคำพิพากษาทั้งหมดจะถูกส่งไปให้อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ซึ่งจะมีทีมงานของอัยการศาลสูงภาค 7 พิจารณารายละเอียดคดีทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งว่า การที่ศาลตัดสินเช่นนี้อัยการศาลสูงภาค 7 จะมีความเห็นด้วย หรือเห็นต่างอย่างไร ถ้าเห็นด้วยกับผลคำพิพากษาดังกล่าว ก็จะไม่ยื่นอุทธรณ์ หากเห็นต่างก็จะต้องสรุปประเด็นที่เห็นต่างเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยกฟ้องจำเลยบางคนในบางข้อหา หรืออัตราโทษที่พิพากษาไปแล้วมีความหนักเบามากน้อยแค่ไหนอย่างไร ควรจะลงโทษเพิ่มขึ้นมากกว่านี้หรือไม่ ทั้งหมดจะเป็นดุลพินิจของคณะอัยการศาลสูงภาค 7 ที่กำกับดูแลโดยอธิบดีอัยการสำนักงานศาลสูงภาค 7 เมื่อศาลตัดสินวันนี้แล้ว ภารกิจของคณะทำงานอัยการทองผาภูมิ โดย นายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานก็ดี จะเสร็จภารกิจทั้งหมด จากนั้นจะถูกส่งต่อให้กับ อัยการคดีศาลสูงภาค 7 เสมือนกับทางศาลยุติธรรม ถ้าศาลชั้นต้นตัดสินอย่างไร ตัดสินแล้วก็ถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจ หากคู่ความฝ่ายใดยื่นอุทธรณ์ ฎีกาตามขั้นตอนกฎหมาย ก็จะต้องส่งต่อให้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิจารณาต่อไป เป็นลักษณะของการออกแบบของกระบวนการยุติธรรมที่ถ่วงดุลกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความเป็นธรรม ดังนั้น ตรงนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการดำเนินคดีไม่ต่อเนื่องหรือขาดตอน เพราะเหตุผลที่กระบวนการยุติธรรมออกแบบมาเช่นนี้ ก็ต้องการให้คณะอัยการศาลสูงก็ดี และผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ดี เป็นผู้ไปกำกับการปฏิบัติหน้าที่ภารกิจของส่วนนั้นว่า เป็นไปตามข้อเท็จจริงทางคดีหรือไม่ และเป็นไปตามข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้หรือไม่ และจะใช้ดุลพินิจในลักษณะถ่วงดุล เพราะคณะผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือคณะอัยการที่อยู่ศาลสูง จะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางคดีมากกว่าศาลชั้นต้น ดังนั้นอยากจะเรียนให้ความมั่นใจกับสังคมว่า กระบวนการยุติธรรมก็จะต้องดูทุกมิติทุกขั้นตอน”
นักข่าวถามว่า โทษที่ศาลลงโทษนี้ถือว่าเป็นอัตราโทษสูงสุดตามบทกฎหมายในแต่ละข้อหาแล้วหรือไม่ นายประยุทธ ตอบ
โทษที่ลงมานั้นไม่เต็มที่ในอัตราสูงสุด ตามบทบัญญัติกฎหมายที่กำหนดไว้ ถือเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาลงโทษ ว่าควรจะลงโทษแค่ไหนเพียงใด แต่เมื่อกระบวนการเข้าสู่การพิจารณาของคณะอัยการศาลสูงก็จะพิจารณาต่อไปว่า โทษที่ผู้พิพากษาลงโทษมานั้นเหมาะสมแล้วหรือยัง รวมทั้งข้อหาที่ยกนั้นเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นประเด็นที่พิจารณาต่อไปว่าจะอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์ ส่วนคดีนี้จะพิจารณาถึงชั้นฎีกาหรือไม่ขณะนี้ไม่สามารถให้คำตอบได้ต้องรอดูการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ก่อน
matemnews.com
19 มีนาคม 2562