Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
ผลเลือกตั้งแต่ละครั้งจะสะท้อนกระแสสังคมอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ มีปรากฏการณ์ รธน. 2560 ร่วมอีกด้วย
1 ปรากฏการณ์ พรรคเรียงเบอร์
วิธีคำนวนคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ทำให้มีพรรคเข้าสภามากถึง 27 พรรค โดยเป็น ‘พรรคเรียงเบอร์ 1’ คือได้ สส. เพียงคนเดียวถึง 13 พรรค คือเกือบครึ่งหนึ่ง
ถึงแม้จะเปิดช่องให้มีพรรคคัวแทนคนกลุ่มเล็กๆ
แต่พรรคที่คิดจะเอา ‘พรรคเรียงเบอร์ 1’ เข้าร่วมรัฐบาล อาจจะกลัวการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ดังนั้น ในสมการการเมือง จึงอาจจะต้องตัด 13 คะแนนนี้ออกไปก่อน
2 ปรากฏการณ์ อนาคตใหม่
ถ้าใช้กติกาสมัยเก่าที่ยังไม่มีปาร์ตี้ลิสต์ กล่าวคือใช้เฉพาะคะแนน สส. เขต จะมีพรรคเข้าสภาเพียง 9 พรรค หรือ 1 ใน 3
และถ้าเอาสัดส่วน 350 สส. เขตมากระจายให้เต็มจำนวน 500 สส. ผลจะดังนี้
เพื่อไทย (กติกาใหม่ 137 กติกาเก่าจะเป็น 196)
พลังประชารัฐ (ใหม่ 117 เก่าจะเป็น 138)
อนาคตใหม่ (ใหม่ 79 เก่าจะเป็น 43)
ประชาธิปัตย์ (ใหม่ 52 เก่าจะเป็น 47)
ภูมิใจไทย (ใหม่ 51 เก่าจะเป็น 56)
ชาติไทยพัฒนา (ใหม่ 10 เก่าจะเป็น 😎
ประชาชาติ(ใหม่ 7 เก่าจะเป็น 😎
รวมพลังประชาชาติไทย (ใหม่ 5 เก่าจะเป็น 2) และ
ชาติพัฒนา (ใหม่ 3 เก่าจะเป็น 2)
จะเห็นได้ว่า พรรคที่กติกาใหม่ทำให้จำนวน สส. ลดลงมากสุด คือ เพื่อไทย (จาก 196 เหลือ 137) ส่วนพลังประชารัฐลดลงเล็กน้อย
แต่พรรคที่ได้ประโยชน์จากกติกาใหม่มากสุด คือ อนาคตใหม่ ซึ่งแจ้งเกิดแบบพรวดพราด จากเริ่มต้น กลายเป็นพรรคใหญ่ไปเลย (จาก 43 กลายเป็น 79)
3 ปรากฏการณ์ คุณหญิงหน่อย
การที่เพื่อไทยไม่ได้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ทำให้คุณหญิงหน่อยซึ่งเป็นอันดับหนึ่งไม่ได้เข้าสภา รวมไปถึงขุนพลอันดับรองอีกจำนวนมาก
พรรคอันดับหนึ่งนับว่าจะมีปัญหาในการวางตัวขุนพล เพราะถ้าหากต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ก็จะเกิดปัญหาว่าไม่มีดาวสภาทำหน้าที่แทนพรรค
ส่วนการจะเอาขุนพลหลักลงเป็น สส. เขต แทนที่จะเป็นปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าหากได้เป็นรัฐบาล และคนกลุ่มนี้ได้เป็นรัฐมนตรี ก็จะเสียที่นั่ง ต้องเลือกตั้งใหม่
4. ปรากฏการณ์ พรรคใหญ่สุดไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล
รธน. 2560 วาง 250 สว. ไว้ให้อยู่ในอำนาจของ คสช.
ซึ่งเป็นการบีบบังคับว่า การที่พรรคใหญ่สุดที่ตรงข้ามกับ คสช. จะรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้นั้น จะต้องมีเสียงเกิน 3 ใน 4 ของ 500 สส. (คือต้องเกินกว่า 376)
รธน. นี้ออกแบบว่า การที่พรรคใดพรรคเดียวจะได้ สส. ถึง 376 นั้น เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะต่อให้พรรคหนึ่งได้ สส. เขตทั้งหมด 350 คน ก็จะไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์แม้แต่คนเดียว
ทำยังไงๆ ก็เบ่งได้ไม่ถึง 376
ส่วนกรณีจะฝันหวานว่า อาจมี 250 สว. บางคนที่หันมาเลือกพรรคที่อยู่ตรงข้าม คสช. นั้น ก็ต้องฟังที่ พล.อ.ประวิตร กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับ สว. ว่า
“เมื่อเราตั้งมาแล้ว ก็ต้องคุมให้ได้” (ดูรูป)
สรุปแล้ว ตาม รธน. นี้ พรรคใหญ่ที่อยู่ตรงข้าม คสช. ไม่มีวันจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน จะทำได้เพียงแต่เป็นจรเข้ขวางคลอง มิให้พรรคที่อยู่ฝ่าย คสช. จัดตั้งรัฐบาลได้โดยง่ายเท่านั้น
5. ปรากฏการณ์ ลุงตู่อยู่ต่อ
จากตารางข้างล่าง พรรคที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ 2 พรรค มีเสียงเพียง 122 และแม้มีพรรคขนาดกลางเข้าร่วม คะแนนก็จะยังไม่ถึง 250 และยังไม่ชัดเจนว่า ประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วม หรือไม่
และการจะเกิน 250 ได้ ต้องมีงูเห่า หรือมีองค์กรอิสระเป็นตัวช่วย
แต่ถ้ามีข่าวว่า มีการดูด สส. ข้ามห้วยในวิถีทางที่ไม่เป็นธรรมาภิบาล ก็จะต้องระวัง มิให้นำไปสู่ความวุ่นวายอีกครั้งหนึ่ง
วันที่ 28 มีนาคม 2562
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
matemnews.com
28 มีนาคม 2562
