Home ข่าวทั่วไปรอบวัน รองผู้ว่าฯ ยัน บ้านลอยน้ำ คือ “ภัยความมั่นคง” – ทัพเรือเตรียมย้ายขึ้นฝั่ง

รองผู้ว่าฯ ยัน บ้านลอยน้ำ คือ “ภัยความมั่นคง” – ทัพเรือเตรียมย้ายขึ้นฝั่ง

729
0
SHARE

รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต ยัน บ้านลอยกลางทะเลไทย ถือเป็นภัยความมั่นคง

รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต ยืนยันสามีชาวต่างชาติและภรรยาสร้างบ้านลอยน้ำกลางทะเลไทย มีความผิดตามกฎหมายไทยหลายฉบับ และยังถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ เตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงกับสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชาวต่างชาติและภรรยาสร้างบ้านลอยน้ำกลางทะเลไทย โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพาเขากลับสหรัฐ และขอให้ภรรยาได้รับการลี้ภัยด้วย เนื่องจากถูกทางการไทยติดตามไล่ล่าตัว ทั้งที่ไม่มีความผิด ล่าสุด นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผวจ.ภูเก็ต ยืนยันการกระทำของสามีภรรยาคู่นี้มีความผิดตามกฎหมายไทยหลายฉบับ และยังถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ

ดังนั้น ทางการไทยต้องดำเนินคดีกับทั้งคู่ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงกับสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบข้อเท็จจริง ย้ำทุกหน่วยงานดำเนินการกับคดีนี้ตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง หรือทำเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด และล่าสุดตำรวจกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อขอศาลออกหมายจับ และขยายผลหาผู้ร่วมโครงการซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ด้าน กองทัพเรือภาค 3 เตรียมย้าย”บ้านลอยน้ำ”กลับเข้าฝั่งภูเก็ตในสัปดาห์นี้

พลเรือโทสิทธิพร มาศเกษม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศรชล.เขต 3 แถลงข่าว  ณ ห้องประชุม กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ถึงกรณีดังกล่าวว่า การที่คนต่างชาติมาทำสิ่งปลูกสร้างเทียมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ ได้ดำเนินการตรวจสอบและแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.วิชิต และประชุมหารือในการดำเนินการเรื่องนี้มาตลอด ทราบว่าความคืบหน้าว่าอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งสิ่งก่อสร้างเทียมนั้นถือว่ากระทบต่อการเดินเรือ การใช้ชีวิตชาวประมง เรือสินค้าที่เข้ามาสู่ท่าเรือภูเก็ต การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเทียมทั้งหลายต้องขออนุญาตจากทางรัฐ คาดว่าการเคลื่อนย้ายไม่น่ายาก เพราะเขาเคลื่อนออกไปได้ เราเคลื่อนย้ายกลับเข้ามาได้ เราเตรียมเรือและกำลังพลอุปกรณ์ต่างๆไว้แล้วจะพยายามให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้

 

สำหรับการดำเนินการในเรื่องนี้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้วตำรวจจะออกหมายจับเนื่องจากมีหลักฐานเพียงพอที่กระทำความผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร การกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา 139 ของตรวจคนเข้าเมืองได้ระงับการใช้วีซ่าและแบล็คลิสต์จะทำให้ทั้งสองคนนี้ไม่สามารถเข้าเมืองไทยได้ตลอดชีวิต

ภาพประกอบจาก seasteading